วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

ข้างๆของความรัก

มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมาก ที่โรงเรียน
ฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน
เวลาผ่านไป จนทั้งสองอยู่ มหาวิทยาลัยฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบผู้ชายคนนึง และถามฝ่ายชายว่า

"นี่ เธอว่า เค้าเหมาะกับเราไหม"
"เค้าก้อหล่อดีนะ นิสัยดีด้วย "
"หรอ อืม อยากให้เค้ามาอยู่ข้างๆเราจังเลยเนอะ"

ต่อมาหญิงสาวก็ได้เป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นจิงๆ
วันนึงหญิงสาวบอกกับเพื่อนสนิทของตนว่า

"นี่ เธอไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้วเราไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิด"
"อืม" ฝ่ายชายตอบรับ และไม่ไปส่งหญิงสาวอีก

ต่อมาหญิงสาวทะเลาะกับแฟนของตน จึงมาปรึกษาเพื่อนชายว่า
"เธอ เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ เธอว่า เราจะทำอย่างไรดีหล่ะ"
"ก้อ เธอยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายตอบ
"รักสิ รักมากด้วย"
"ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ ก้อเธอรักเค้านี่น่า"
"อืมม"
หญิงสาวทำตามคำแนะนำของฝ่ายชาย

หลังจากนั้น วันหนึ่ง ระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่มเดินกลับบ้าน
เค้าเห็นหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง

"เธอ เป็นอะไรหน่ะ ให้เราช่วยไหม"
"เค้าไม่รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้เขาไม่เคยมาส่งเราที่บ้านเลย"
"แล้วเราจะช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ"
"ช่วยอยู่กับเราซักพักได้ไหม"หญิงสาวร้องขอ

ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไรเลย
ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น

"เราควรจะทำอย่างไรดี เธอจะช่วยเราได้ไหม ว่าเราควรจะทำอย่างไรดี"
"เธอยังรักเขาอยู่หรือป่าวหล่ะ"
"รักสิ เรารักเค้ามากเลย"
"ถ้าอย่างนั้นก้อรักเค้าต่อไปสิ"
"แต่เค้าไม่รักเราเลยนี่น่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ
"แต่เธอก็รักเขาไม่ใช่หรอ"
และชายหนุ่มก็ส่งหญิงสาวที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน
"ถ้าเมื่อไหร่ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน อย่าลืมเรียกเรานะ"
"อืม" และหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป

ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาว

"เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที"

เสียงของหญิงสาวดูช่างอ่อนล้า และหมดกำลัง
เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่
ชายหนุ่มไปหาเธอและไปรับเธอมาส่งบ้าน
เธอยังคงถามชายหนุ่มนั้นเมื่อที่เคยถามมา

"เราจะทำอย่างไรต่อไปดี"
"เธอเลิกรักเค้าแล้วหรอ"
"ป่าว เรายังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่"
"งั้นก็เหมือนที่เราเคยพูดไว้ รักเขาต่อไป
เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเธอไหม
แต่ถ้าเธอยังรักเขาเธอก็คงทำได้แค่รักเขาให้มากขึ้น ให้เขารู้ว่าเธอรักเขา"

วันที่เธอเรียนจบ เพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ
เธอแปลกใจมากที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอยังเรียนไม่จบ เธอถามเขาว่าทำไม
ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้เกียจไปหน่อย
ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชาหนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ
หญิงสาวแปลกใจ เพราะตลอดมา ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยัน

ต่อมาแฟนหญิงสาวได้แต่งงานกับหญิงสาว
เนื่องด้วยเห็นถึงความรักที่หญิงสาวมีให้มากมาย
หญิงสาวได้ชวนเพื่อนของตนมางานแต่งของเธอ
"เราไม่ว่างจริงๆเราติดธุระหน่ะขอโทษนะ"
เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หญิงสาวโกรธและเสียใจที่ชายหนุ่มไม่มางานแต่งจึงวางหูใส่
แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจเมื่อวันที่เธอแต่งงาน
ชายหนุ่มได้มาก่อนที่งานแต่งจะจบ

"ยินดีด้วยนะ เรามาแล้วนะ"
หญิงสาวดีใจมากที่เพื่อนของเธอมา ถึงจะเพียงชั่วเวลาสั้นๆ

ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุขกับชีวิตแต่งงาน
จนไม่ได้ติดต่อกับชายหนุ่ม
จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ทะเลาะกับสามีของตน
หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงชายหนุ่มขึ้นมา
แต่แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปเท่าไหร่
ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย

เขาจึงโทรหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้น
เพื่อนของชายหนุ่มเล่าว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย เขาไม่สามารถไปไหนได้
ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาร่วมหลายเดือน
หญิงสาวตกใจมากถามว่าเป็นอะไร
เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า อาการกำเริบเพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด
ชายหนุ่มดันหายตัวไป
และเพื่อนชายยังบอกอีกว่า

"เป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ในช่วงเวลาสำคัญๆคราวที่แล้วสอบไล่ ก็หายตัวไปจากห้องสอบ"

หญิงสาวตกใจมาก เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว

หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่มที่โรงพยาบาล เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็ต้องตกใจ
ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ ไม่มีแรง
เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจทักทายเธอเป็นการใหญ่

"เป็นอย่างไรมั้ง ไม่เจอกันตั้งนาน"

หญิงสาวนิ่งเงียบซักพักน้ำตาหญิงสาวก็ออกมา

"อ้าวร้องไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วหรอจะให้เราช่วยอะไรไหม แต่เราก็คงจะแนะนำเหมือนเดิมหน่ะ"

หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วบอกกับชายหนุ่มว่า

"วันที่เธอมารับเราเป็นวันสอบไล่ใช่ไหม"
ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้นกลับนิ่งเงียบไป
หญิงสาวจึงพูดต่อ

"และวันที่เธอต้องผ่าตัดใหญ่ เธอกลับมางานแต่งงานของฉันใช่ไหม"
ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม
หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น

"ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น มองแต่คนอื่นเรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ไหนเรารู้สึกเสียใจจริงๆที่ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้"

ชายหนุ่มยิ้มขึ้นแล้วบอกกับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า

"เราบอกแล้วไง ถ้าเรารักใครซักคน เราก็ต้องรักเขาให้มากๆไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรักเราหรือไม่หน่ะมันสำคัญแค่เพียงว่าเรายังรักเธออยู่หรือเปล่า แค่เราสามารถช่วยเธอได้นั่นก็เป็นความสุขของเราแล้ว"

หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก นั่งร้องไห้โห่อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า
"ถ้าเราหายเมื่อไหร่ เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"

ที่มา http://www.thaireaderclub.com/read.php?id=959

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

ความรักของแม่

เรื่องดีดี ไม่จำเป็นต้องยาว ... ครับ

แม่ผู้แก่เฒ่าเดินไม่ได้คนหนึ่ง เป็นที่รำคาญใจของลูกชายเหลือเกิน
สมัยนั้นยังไม่มีสถานสงเคราะห์คนชรา จึงไม่รู้ว่าจะเอาแม่ไปฝากใครให้เลี้ยงแทน
ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแบกเอาไปปล่อยป่าให้อยู่ตามยถากรรม
... ระหว่างทาง แม่ไม่วอนขอ ไม่ถามไม่ว่าอะไร ตั้งใจหักกิ่งไม้ตามทาง เรื่อยไป เข้าป่าลึก
ไกลมากแล้ว ลูกชายวางแม่ลงบนโขดหิน แล้วหันหลังเดินกลับทางเดิมไป ...
ตอนนี้เอง ที่แม่ตะโกนตามหลังลูกชายไปว่า ...
"ลูกเอ๋ย เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้ให้นะจะได้ไม่หลงทาง"
.....

ขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สร้างกำลังใจ ให้หายเศร้า

นักปราชญ์พูดไว้น่าฟังว่า
การมีความสุขน่ะ ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตต้องมีทุกสิ่ง เพียบพร้อมไปซะ ทั้งหมดหรอก หากแต่ความสุขควรหมายถึง คุณตัดสินใจที่จะมองข้าม ความไม่สมบูรณ์ที่ รายล้อมรอบตัวต่างหากเล่า....
อุตส่าห์เขียน ให้กำลังใจขนาดนี้ ก็กรุณามองโลกในแง่ดีกันหน่อย เผื่อชีวิตลำบากลำบน อับจนเงิน แต่รวยน้ำใจ จะได้กระดี้กระด้าร่าเริงเบิกบานขึ้นบ้าง
อย่ามัวแต่อมทุกข์อยู่เล้ย ชีวิตก็สั้นนิดเดียว สู้ทำตัวร่าเริงไปวันๆดีกว่าน่า
แต่ ถึงแม้ทุกคนล้วนอยากมีความสุข สนุกสนาน มีเงินใช้ไม่ฝืดเคือง มีงานทำไม่ตกงานทว่าไม่วันใดก็วันหนึ่ง เรามักมีวันเลวร้ายเข้ามากล้ำกรายจนได้สิน่ะ เช่น
ถ้าไม่ล้มเหลวเพราะการงาน ก็อาจล้มเหลวในเรื่องเพื่อน
หรือ หากไม่ล้มเหลวเพราะครอบครัวแตกแยก ก็อาจระเนระนาดกับชีวิตคู่ก็ได้
ความล้มเหลว จึงก่อให้เกิดความผิดหวังด้วยประการฉะนี้
แต่ถ้าชีวิตมนุษย์ไม่พบเจออุปสรรคซะบ้าง สงสัยคงไม่ใช่คนแล้วน้อ แสดงว่า เป็นเทวดาแล้วนั่น

ถ้า ให้ ศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระ วิเคราะห์เรื่องความล้มเหลวให้ฟัง เราอาจใช้ความผิดหวัง จากการล้มเหลวใดๆก็ตาม มาช่วยให้เกิดประโยชน์และสร้างโอกาสได้เหมียนกัน ขอเพียงรู้จักคิดให้เป็น ต่อให้ผิดหวังหรือล้มเหลวแค่ไหน ย่อมไม่ทำให้พวกเรา ระคายเคืองได้หรอก
นักจิตวิทยาเค้ายกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ผ่านตัวละครอย่างนักโทษ 2 คน ซึ่งมีบุคลิกแตกต่างกันดังนี้

คนแรก มองผ่านลูกกรงออกมาภายนอก บอกตัวเองมองเห็นแต่โคลนตม ใจคอห่อเหี่ยว
ส่วนอีกคน แหงนมองท้องฟ้า มองเห็นดวงดาว แต่ใจคอยังมีความสดชื่นอยู่
เพราะ ฉะนั้น นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า เมื่อเราผิดหวังก็เหมือนกับเราเป็นนักโทษ ถูกกักขังอยู่ในวังวนของความเศร้านั่นแหละ ด้วยเหตุนี้แล้วคุณจะเลือกเป็นคน ที่มองเห็นแต่โคลนตมหรือแหงนมองฟ้าแล้วเห็น แต่ดวงดาวดีล่ะ แต่สมควรเลือกเป็นคนประเภทหลังนะ เพราะแสดงว่ายังมีกำลังใจที่จะสู้ชีวิตต่อไป ไอ้เรื่องจะฆ่าตัวตายหนีปัญหาชีวิตน่ะ ไม่มีวันเสียล่ะ ว่าแล้วขอเสริมสร้างกำลังใจให้มากขึ้น ดังนี้

* หาตัวเองให้เจอ ค้นตัวเองให้พบ ว่าเรามีจุดด้อยหรือจุดเด่นตรงไหนถ้าเรามีข้อด้อย ตรงไหนก็ปรับปรุงซะ โดยเฉพาะถ้าเก็บเงินไม่อยู่ ก็ต้องหาวิธีอุดช่องโหว่นี้ให้ได้
* ควรมีบุคลิกและนิสัยถาวรในทางที่ดี เช่น ซื่อสัตย์ กตัญญู มีความขยัน อดทน แต่เชื่อไว้เหอะว่า คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ แม้จะขัดแย้งกับสังคมคนเลวได้ดี แต่ไม่ควรท้อถอยที่จะทำความดี เชื่อเหอะ

ที่มา : http://www.tamdee.net/

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

365 วันกับความรัก

** เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเหงาอยู่ริมหน้าต่าง เธอมองดูกระถางต้นไม้ที่แห้งเฉาดินแตกระแหง แต่ยังมีเมล็ดพืชงอกงามอยู่ในนั้น เธอเก็บเมล็ดพืชนั้นมาด้วยความสงสัย...อยากรู้ว่ามันงอกขึ้นมาได้อย่างไร?

..วันที่ 1 เธอนำเมล็ดพืชนั้นมาปลูกในกระถางใบใหม่..รอคอยวันที่มันจะเติบโตเธออยากเห็นเมล็ดพืชโตเร็วจึงรดน้ำ จนล้นกระถาง..

..วันที่ 2 เธอเฝ้าดูการเจริญเติบโตของเมล็ดพืชนั้น..ทันใดนั้นก้อมีปลาทองออกมาจากเมล็ดนั้นเด็กหญิงเอาปลาทองใส่ไว้ในโหล และคิดว่าคงรดน้ำมากเกินไป จึงเอากระถางไปใส่ไว้ในเตาอบและเฝ้าดู

..วันที่ 3 เธอเปิดเตาอบออกดูเห็นลูกไก่เดินอยู่ในนั้น มันมองมาที่เธอและเดินตามเธอตลอดเวลาเด็กหญิงมีความคิดว่าควรจะใส่ปุ๋ยให้มันและเริ่มเทปุ๋ยจนหมดถุง และ..รอ

..วันที่ 4 มีริบบิ้นสีแดงออกมาจากเมล็ด เธอดีใจมากนำริบบิ้นมาผูกให้กับลูกไก่แต่ละวันเด็กผู้หญิงจะเฝ้ารอดูว่าจะมีอะไรออกมาจากเมล็ดพืชอีกเธอมีความสุขกับการได้ดูแลเมล็ดพืช รดน้ำ พรวนดิน ให้แสงแดด

...วันที่ 30 เด็กหญิงเบื่อที่จะรดน้ำ และดูแลต้นไม้ไม่ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะออกมาจากเมล็ดพืชนั้นเหมือนแต่ก่อน..ต้นไม้เริ่มแห้งเฉาใบไม้เริ่มเป็นสีเหลือง ไม่มีอะไรออกมาจากเมล็ดพืชอีก..

..วันที่ 180 ใบไม้เริ่มแห้งกรอบ ดินเริ่มแตกแยกเหมือนครั้งแรกที่เด็กหญิงเจอมัน..เธอเศร้าเสียใจอย่างมาก

...วันที่ 250 เด็กหญิงรดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ...เธอมีความหวังที่จะได้พบสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจอย่างที่เคยเป็น

..วันที่ 251 เธอนำกระถางมารับแสงแดดอ่อนๆ ตอนเช้าด้วยใจที่เบิกบานและเต็มไปด้วยความหวัง

..วันที่ 252 เธอใส่ปุ๋ยและพรวนดินให้ต้นไม้ มีลูกไก่ที่ผูกริบบิ้นสีแดงและปลาทองในโหลอยู่ใกล้ๆ

..วันที่ 300 การเอาใจใส่ ดูแลอย่างใกล้ชิดของเธอทำให้ต้นไม้กลับมาออกใบเขียวชอุ่ม..และที่น่าประหลาดใจคือ เมล็ดพืชกลายเป็นดอกสีขาวเล็กๆ รูปร่างคล้ายหัวใจ เด็กหญิงตื่นเต้นดีใจกว่าทุกครั้ง

..วันที่ 340 เธอร้องเพลงและพูดคุยกับดอกไม้สีขาวนั้นทุกเวลาที่ว่างเธอรู้สึกมีความสุขมาก..ที่ได้คอยเอาใจใส่โดยลืมไปสนิทว่ามันจะกลายเป็นอะไรต่อไป..เด็กหญิงไม่คาดหวังให้ดอกไม้กลายเป็นสิ่งใด เธอทนุถนอมและดูแลมันอย่างดีที่สุด

..วันที่ 365 เด็กหญิงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง กระถางตรงหน้าเธอไม่มีดอกไม้สีขาวรูปหัวใจอีกแล้วดอกไม้ที่เธอเฝ้าดูแลหายไป!! ..แต่เธอไม่เศร้า ไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้ เพราะเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่างเขาสามารถพูดคุยกับเธอ ยิ้มให้เธอ ไปทุกที่กับเธอ เข้าใจเธอ และเธอก็ไม่เคยเหงาอีกเลย......

** คุณรู้หรือยังว่าดอกไม้สีขาวรูปหัวใจกลายเป็นอะไร **

เด็กผู้หญิงใช้เวลา 1 ปี ในการเรียนรู้เรื่องความรัก เธอเรียนรู้ว่า

...~ เมื่อเธอรดน้ำมากๆ ไม่ได้แปลว่ามันจะเจริญเติบโตเร็ว มันอาจกลายเป็นสิ่งที่เธอคิดไม่ถึง
...~ การเอาใจใส่กันเป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้ความรักคงอยู่ต่อไป
...~ การรอคอยเมื่อครั้งแรกเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่นานเข้าจะกลายเป็นความท้อแท้และเบื่อหน่าย
...~ ถึงเรายอมรับที่จะสูญเสียแต่ไม่มีทางหนีจากความเจ็บปวดได้
...~ ไม่มีคำว่าสาย สำหรับความรัก เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ...~ การที่เราคาดหวังกับความรักมากเท่าไรเมื่อไม่เป็นอย่างที่หวังเราจะยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น

** คุณล่ะใช้เวลาเท่าไรในการทำความรู้จักและพยายามเข้าใจในความรัก "ความรัก" ไม่มีข้อปฏิบัติที่ตายตัวแต่ละคนจึงต้องค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง ตามวิธีที่แตกต่างกัน....

ขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มีกันและกันตลอดทาง

มีกันและกันตลอดทาง-เรื่องน่ารักจากพิกเล็ตและเดอะพูห์

เรื่องมันมีอยู่ว่า
ขณะที่พิกเล็ตเดินตามหมีพูห์ไปต้อยๆรอยเท้าคู่เล็กๆย่ำไปบนหิมะเคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทางเป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
ทั้งคู่คงเดินมาด้วยกันนานพอสมควร
และคงไม่ได้คุยอะไรกันเลย

พิกเล็ตเลยต้อง"ขอเสียง"ด้วยการเรียก"พูห์"เมื่อพูห์ขานรับและถามกลับว่า"มีอะไรหรือพิกเล็ต"พิกเล็ตกลับเกาะมือพูห์ไว้
ก่อนตอบว่า"เปล่า...ไม่มีอะไรแค่อยากมั่นใจว่าเราเดินมาด้วยกันเท่านั้นเอง" ภาพนี้
ถ้อยสนทนานี้
เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง
สังเกตุไหมว่าพูห์เดินนำหน้าควรเป็นพูห์มากกว่าที่น่าจะเป็นฝ่าย"ขอเสียง"จากพิกเล็ตว่ายังเดินตามตัวเองมาหรือไม่นั่นหมายถึงว่าเป็นความรักกังวลในใจพิกเล็ตเองที่เกรงว่าพูห์จะลืมเพื่อนตัวเล็กๆอย่างเขา

ในชีวิตเราทุกคนคงเคยผ่านพบมิตรภาพแสนดี
แต่มีกี่คนที่รักษามันเอาไว้ได้คงมั่นไม่หวั่นไหว
วันคืนแห่งชีวิตกลืนกินและฉุดดึงเรารุดไป
หันกลับมามองข้างหลังอีกที อาจจะเศร้าใจ
หากพบว่าคนที่เราไว้ใจ
ไม่เดินตามเรามาอีกแล้ว
ไม่อยากเดินข้างหน้าเพราะเกรงว่าฉันจะลืมเธอ
ไม่อยากตามหลังเช่นกัน
อยากอุ่นใจมั่นใจว่าตลอดการเดินทางชีวิต
อันยาวไกลเรายังมีกันและกันไปตลอดทาง

ขอบคุณที่มา : http://www.thaireaderclub.com/read.php?id=752

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ส่วนลึกของหัวใจฉันยังมีเธออยู่กับฉันทุกช่วงเวลา

ส่วนลึกของหัวใจฉันยังมีเธออยู่กับฉันทุกช่วงเวลา
ไม่ว่าทุกข์ สุข หรือเหงา เธอยังอยู่กับฉันเสมอ
ถึงแม้ว่ามันเป็นแค่ “ความรู้สึกที่ฉันมี”
แต่ฉันก็ยังภูมิใจที่ฉันยังสามารถเก็บความรู้สึก ๆ ดี ๆ

ที่เธอเคยให้ไว้กับฉัน ฉันยังจำวันแห่งความสุขของเราได้
ถึงแม้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สั้น ๆ แต่ฉันจะขอจดจำมันไปตลอด
ถึงแม้ว่าคนข้าง ๆ ฉันตอนนี้มันไม่ใช่เธอ…
แต่ฉันก็จะยังคงขอเก็บเธอไว้ในส่วนลึกของหัวใจของฉัน
ฉันอาจจะเคยเสียใจ ร้องไห้ ทรมาน เหงา…
เวลาที่เธอจากไป….
แต่ฉันจะลบสิ่งเหล่านั้นออกไป..
ฉันจะเก็บ “ความสุข” ไว้กับฉันตลอดไป
เรามีสิทธิ์เลือกที่จะเก็บความรู้สึกดี ๆ และเลือกที่จะลบ
ความทรงจำที่ไม่ดีออกไปได้
และฉันจะเก็บสิ่งดี ๆ ให้อยู่กับฉันไปตราบนาน
แม้ว่าวันนี้ หรือวันต่อไป ไม่มีเขาอยู่ข้างกายแล้ว

ขอบคุณที่มา : http://board.siamyim.net

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พานพบและพลัดพราก

เวลานี้ - ที่นั่นเป็นอย่างไร
นึกเมื่อนิ่งพักใจเมื่อไกลห่าง
เราพานพบเราผูกพันเพื่อปล่อยวาง
เราร่วมทางแล้วแยกทางเพื่อต่างเดิน

เพียงส่วนเสี้ยวแห่งพานพบและพลัดพราก
ล้วนทำใจได้ยากแม้นานเนิ่น
บางความหลังยังรู้สึก ( ลึกเหลือเกิน )
หากยังยิ้มและดุ่มเดิน แม้เดียวดาย

เชื่อว่าพ้นราตรี มีทิวา
และเชื่อว่าทางความฝันนั้นหลากหลาย
ที่เคยรักเคยเคียงเป็นเพียงคล้าย
ถึงจุดตัดก็แยกย้ายไปตามทาง

เคยท้อแท้ร้างไร้เรี่ยวแรงฝัน
ไม่เชื่อแม้มีตะวันในรุ่งสาง
ไขว่คว้ายื่นมือไปในเลือนลาง
ก็พบเพียงความเวิ้งว้าง
- - ทรุดร่างลง

ขอบคุณบทความดีโดย jin