วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สร้างกำลังใจ ให้หายเศร้า

นักปราชญ์พูดไว้น่าฟังว่า
การมีความสุขน่ะ ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตต้องมีทุกสิ่ง เพียบพร้อมไปซะ ทั้งหมดหรอก หากแต่ความสุขควรหมายถึง คุณตัดสินใจที่จะมองข้าม ความไม่สมบูรณ์ที่ รายล้อมรอบตัวต่างหากเล่า....
อุตส่าห์เขียน ให้กำลังใจขนาดนี้ ก็กรุณามองโลกในแง่ดีกันหน่อย เผื่อชีวิตลำบากลำบน อับจนเงิน แต่รวยน้ำใจ จะได้กระดี้กระด้าร่าเริงเบิกบานขึ้นบ้าง
อย่ามัวแต่อมทุกข์อยู่เล้ย ชีวิตก็สั้นนิดเดียว สู้ทำตัวร่าเริงไปวันๆดีกว่าน่า
แต่ ถึงแม้ทุกคนล้วนอยากมีความสุข สนุกสนาน มีเงินใช้ไม่ฝืดเคือง มีงานทำไม่ตกงานทว่าไม่วันใดก็วันหนึ่ง เรามักมีวันเลวร้ายเข้ามากล้ำกรายจนได้สิน่ะ เช่น
ถ้าไม่ล้มเหลวเพราะการงาน ก็อาจล้มเหลวในเรื่องเพื่อน
หรือ หากไม่ล้มเหลวเพราะครอบครัวแตกแยก ก็อาจระเนระนาดกับชีวิตคู่ก็ได้
ความล้มเหลว จึงก่อให้เกิดความผิดหวังด้วยประการฉะนี้
แต่ถ้าชีวิตมนุษย์ไม่พบเจออุปสรรคซะบ้าง สงสัยคงไม่ใช่คนแล้วน้อ แสดงว่า เป็นเทวดาแล้วนั่น

ถ้า ให้ ศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระ วิเคราะห์เรื่องความล้มเหลวให้ฟัง เราอาจใช้ความผิดหวัง จากการล้มเหลวใดๆก็ตาม มาช่วยให้เกิดประโยชน์และสร้างโอกาสได้เหมียนกัน ขอเพียงรู้จักคิดให้เป็น ต่อให้ผิดหวังหรือล้มเหลวแค่ไหน ย่อมไม่ทำให้พวกเรา ระคายเคืองได้หรอก
นักจิตวิทยาเค้ายกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ผ่านตัวละครอย่างนักโทษ 2 คน ซึ่งมีบุคลิกแตกต่างกันดังนี้

คนแรก มองผ่านลูกกรงออกมาภายนอก บอกตัวเองมองเห็นแต่โคลนตม ใจคอห่อเหี่ยว
ส่วนอีกคน แหงนมองท้องฟ้า มองเห็นดวงดาว แต่ใจคอยังมีความสดชื่นอยู่
เพราะ ฉะนั้น นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า เมื่อเราผิดหวังก็เหมือนกับเราเป็นนักโทษ ถูกกักขังอยู่ในวังวนของความเศร้านั่นแหละ ด้วยเหตุนี้แล้วคุณจะเลือกเป็นคน ที่มองเห็นแต่โคลนตมหรือแหงนมองฟ้าแล้วเห็น แต่ดวงดาวดีล่ะ แต่สมควรเลือกเป็นคนประเภทหลังนะ เพราะแสดงว่ายังมีกำลังใจที่จะสู้ชีวิตต่อไป ไอ้เรื่องจะฆ่าตัวตายหนีปัญหาชีวิตน่ะ ไม่มีวันเสียล่ะ ว่าแล้วขอเสริมสร้างกำลังใจให้มากขึ้น ดังนี้

* หาตัวเองให้เจอ ค้นตัวเองให้พบ ว่าเรามีจุดด้อยหรือจุดเด่นตรงไหนถ้าเรามีข้อด้อย ตรงไหนก็ปรับปรุงซะ โดยเฉพาะถ้าเก็บเงินไม่อยู่ ก็ต้องหาวิธีอุดช่องโหว่นี้ให้ได้
* ควรมีบุคลิกและนิสัยถาวรในทางที่ดี เช่น ซื่อสัตย์ กตัญญู มีความขยัน อดทน แต่เชื่อไว้เหอะว่า คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ แม้จะขัดแย้งกับสังคมคนเลวได้ดี แต่ไม่ควรท้อถอยที่จะทำความดี เชื่อเหอะ

ที่มา : http://www.tamdee.net/

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

365 วันกับความรัก

** เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเหงาอยู่ริมหน้าต่าง เธอมองดูกระถางต้นไม้ที่แห้งเฉาดินแตกระแหง แต่ยังมีเมล็ดพืชงอกงามอยู่ในนั้น เธอเก็บเมล็ดพืชนั้นมาด้วยความสงสัย...อยากรู้ว่ามันงอกขึ้นมาได้อย่างไร?

..วันที่ 1 เธอนำเมล็ดพืชนั้นมาปลูกในกระถางใบใหม่..รอคอยวันที่มันจะเติบโตเธออยากเห็นเมล็ดพืชโตเร็วจึงรดน้ำ จนล้นกระถาง..

..วันที่ 2 เธอเฝ้าดูการเจริญเติบโตของเมล็ดพืชนั้น..ทันใดนั้นก้อมีปลาทองออกมาจากเมล็ดนั้นเด็กหญิงเอาปลาทองใส่ไว้ในโหล และคิดว่าคงรดน้ำมากเกินไป จึงเอากระถางไปใส่ไว้ในเตาอบและเฝ้าดู

..วันที่ 3 เธอเปิดเตาอบออกดูเห็นลูกไก่เดินอยู่ในนั้น มันมองมาที่เธอและเดินตามเธอตลอดเวลาเด็กหญิงมีความคิดว่าควรจะใส่ปุ๋ยให้มันและเริ่มเทปุ๋ยจนหมดถุง และ..รอ

..วันที่ 4 มีริบบิ้นสีแดงออกมาจากเมล็ด เธอดีใจมากนำริบบิ้นมาผูกให้กับลูกไก่แต่ละวันเด็กผู้หญิงจะเฝ้ารอดูว่าจะมีอะไรออกมาจากเมล็ดพืชอีกเธอมีความสุขกับการได้ดูแลเมล็ดพืช รดน้ำ พรวนดิน ให้แสงแดด

...วันที่ 30 เด็กหญิงเบื่อที่จะรดน้ำ และดูแลต้นไม้ไม่ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะออกมาจากเมล็ดพืชนั้นเหมือนแต่ก่อน..ต้นไม้เริ่มแห้งเฉาใบไม้เริ่มเป็นสีเหลือง ไม่มีอะไรออกมาจากเมล็ดพืชอีก..

..วันที่ 180 ใบไม้เริ่มแห้งกรอบ ดินเริ่มแตกแยกเหมือนครั้งแรกที่เด็กหญิงเจอมัน..เธอเศร้าเสียใจอย่างมาก

...วันที่ 250 เด็กหญิงรดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ...เธอมีความหวังที่จะได้พบสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจอย่างที่เคยเป็น

..วันที่ 251 เธอนำกระถางมารับแสงแดดอ่อนๆ ตอนเช้าด้วยใจที่เบิกบานและเต็มไปด้วยความหวัง

..วันที่ 252 เธอใส่ปุ๋ยและพรวนดินให้ต้นไม้ มีลูกไก่ที่ผูกริบบิ้นสีแดงและปลาทองในโหลอยู่ใกล้ๆ

..วันที่ 300 การเอาใจใส่ ดูแลอย่างใกล้ชิดของเธอทำให้ต้นไม้กลับมาออกใบเขียวชอุ่ม..และที่น่าประหลาดใจคือ เมล็ดพืชกลายเป็นดอกสีขาวเล็กๆ รูปร่างคล้ายหัวใจ เด็กหญิงตื่นเต้นดีใจกว่าทุกครั้ง

..วันที่ 340 เธอร้องเพลงและพูดคุยกับดอกไม้สีขาวนั้นทุกเวลาที่ว่างเธอรู้สึกมีความสุขมาก..ที่ได้คอยเอาใจใส่โดยลืมไปสนิทว่ามันจะกลายเป็นอะไรต่อไป..เด็กหญิงไม่คาดหวังให้ดอกไม้กลายเป็นสิ่งใด เธอทนุถนอมและดูแลมันอย่างดีที่สุด

..วันที่ 365 เด็กหญิงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง กระถางตรงหน้าเธอไม่มีดอกไม้สีขาวรูปหัวใจอีกแล้วดอกไม้ที่เธอเฝ้าดูแลหายไป!! ..แต่เธอไม่เศร้า ไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้ เพราะเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่างเขาสามารถพูดคุยกับเธอ ยิ้มให้เธอ ไปทุกที่กับเธอ เข้าใจเธอ และเธอก็ไม่เคยเหงาอีกเลย......

** คุณรู้หรือยังว่าดอกไม้สีขาวรูปหัวใจกลายเป็นอะไร **

เด็กผู้หญิงใช้เวลา 1 ปี ในการเรียนรู้เรื่องความรัก เธอเรียนรู้ว่า

...~ เมื่อเธอรดน้ำมากๆ ไม่ได้แปลว่ามันจะเจริญเติบโตเร็ว มันอาจกลายเป็นสิ่งที่เธอคิดไม่ถึง
...~ การเอาใจใส่กันเป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้ความรักคงอยู่ต่อไป
...~ การรอคอยเมื่อครั้งแรกเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่นานเข้าจะกลายเป็นความท้อแท้และเบื่อหน่าย
...~ ถึงเรายอมรับที่จะสูญเสียแต่ไม่มีทางหนีจากความเจ็บปวดได้
...~ ไม่มีคำว่าสาย สำหรับความรัก เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ...~ การที่เราคาดหวังกับความรักมากเท่าไรเมื่อไม่เป็นอย่างที่หวังเราจะยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น

** คุณล่ะใช้เวลาเท่าไรในการทำความรู้จักและพยายามเข้าใจในความรัก "ความรัก" ไม่มีข้อปฏิบัติที่ตายตัวแต่ละคนจึงต้องค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง ตามวิธีที่แตกต่างกัน....

ขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มีกันและกันตลอดทาง

มีกันและกันตลอดทาง-เรื่องน่ารักจากพิกเล็ตและเดอะพูห์

เรื่องมันมีอยู่ว่า
ขณะที่พิกเล็ตเดินตามหมีพูห์ไปต้อยๆรอยเท้าคู่เล็กๆย่ำไปบนหิมะเคียงข้างกับรอยเท้าของพูห์ไปตลอดทางเป็นความอบอุ่นในหัวใจที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
ทั้งคู่คงเดินมาด้วยกันนานพอสมควร
และคงไม่ได้คุยอะไรกันเลย

พิกเล็ตเลยต้อง"ขอเสียง"ด้วยการเรียก"พูห์"เมื่อพูห์ขานรับและถามกลับว่า"มีอะไรหรือพิกเล็ต"พิกเล็ตกลับเกาะมือพูห์ไว้
ก่อนตอบว่า"เปล่า...ไม่มีอะไรแค่อยากมั่นใจว่าเราเดินมาด้วยกันเท่านั้นเอง" ภาพนี้
ถ้อยสนทนานี้
เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง
สังเกตุไหมว่าพูห์เดินนำหน้าควรเป็นพูห์มากกว่าที่น่าจะเป็นฝ่าย"ขอเสียง"จากพิกเล็ตว่ายังเดินตามตัวเองมาหรือไม่นั่นหมายถึงว่าเป็นความรักกังวลในใจพิกเล็ตเองที่เกรงว่าพูห์จะลืมเพื่อนตัวเล็กๆอย่างเขา

ในชีวิตเราทุกคนคงเคยผ่านพบมิตรภาพแสนดี
แต่มีกี่คนที่รักษามันเอาไว้ได้คงมั่นไม่หวั่นไหว
วันคืนแห่งชีวิตกลืนกินและฉุดดึงเรารุดไป
หันกลับมามองข้างหลังอีกที อาจจะเศร้าใจ
หากพบว่าคนที่เราไว้ใจ
ไม่เดินตามเรามาอีกแล้ว
ไม่อยากเดินข้างหน้าเพราะเกรงว่าฉันจะลืมเธอ
ไม่อยากตามหลังเช่นกัน
อยากอุ่นใจมั่นใจว่าตลอดการเดินทางชีวิต
อันยาวไกลเรายังมีกันและกันไปตลอดทาง

ขอบคุณที่มา : http://www.thaireaderclub.com/read.php?id=752

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ส่วนลึกของหัวใจฉันยังมีเธออยู่กับฉันทุกช่วงเวลา

ส่วนลึกของหัวใจฉันยังมีเธออยู่กับฉันทุกช่วงเวลา
ไม่ว่าทุกข์ สุข หรือเหงา เธอยังอยู่กับฉันเสมอ
ถึงแม้ว่ามันเป็นแค่ “ความรู้สึกที่ฉันมี”
แต่ฉันก็ยังภูมิใจที่ฉันยังสามารถเก็บความรู้สึก ๆ ดี ๆ

ที่เธอเคยให้ไว้กับฉัน ฉันยังจำวันแห่งความสุขของเราได้
ถึงแม้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สั้น ๆ แต่ฉันจะขอจดจำมันไปตลอด
ถึงแม้ว่าคนข้าง ๆ ฉันตอนนี้มันไม่ใช่เธอ…
แต่ฉันก็จะยังคงขอเก็บเธอไว้ในส่วนลึกของหัวใจของฉัน
ฉันอาจจะเคยเสียใจ ร้องไห้ ทรมาน เหงา…
เวลาที่เธอจากไป….
แต่ฉันจะลบสิ่งเหล่านั้นออกไป..
ฉันจะเก็บ “ความสุข” ไว้กับฉันตลอดไป
เรามีสิทธิ์เลือกที่จะเก็บความรู้สึกดี ๆ และเลือกที่จะลบ
ความทรงจำที่ไม่ดีออกไปได้
และฉันจะเก็บสิ่งดี ๆ ให้อยู่กับฉันไปตราบนาน
แม้ว่าวันนี้ หรือวันต่อไป ไม่มีเขาอยู่ข้างกายแล้ว

ขอบคุณที่มา : http://board.siamyim.net

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พานพบและพลัดพราก

เวลานี้ - ที่นั่นเป็นอย่างไร
นึกเมื่อนิ่งพักใจเมื่อไกลห่าง
เราพานพบเราผูกพันเพื่อปล่อยวาง
เราร่วมทางแล้วแยกทางเพื่อต่างเดิน

เพียงส่วนเสี้ยวแห่งพานพบและพลัดพราก
ล้วนทำใจได้ยากแม้นานเนิ่น
บางความหลังยังรู้สึก ( ลึกเหลือเกิน )
หากยังยิ้มและดุ่มเดิน แม้เดียวดาย

เชื่อว่าพ้นราตรี มีทิวา
และเชื่อว่าทางความฝันนั้นหลากหลาย
ที่เคยรักเคยเคียงเป็นเพียงคล้าย
ถึงจุดตัดก็แยกย้ายไปตามทาง

เคยท้อแท้ร้างไร้เรี่ยวแรงฝัน
ไม่เชื่อแม้มีตะวันในรุ่งสาง
ไขว่คว้ายื่นมือไปในเลือนลาง
ก็พบเพียงความเวิ้งว้าง
- - ทรุดร่างลง

ขอบคุณบทความดีโดย jin

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เงิน 20 บาท มีค่ามากสำหรับคนบางคน

ใน ขณะที่ใครหลายๆ คนกินอิ่ม นอนหลับอยู่ในบ้านที่แสนสบาย ใช้เงินฟุ่มเฟือยเต็มสูบไม่มีจำกัด อยากได้อะไรซื้อ อยากกินอะไรกิน ทิ้งๆ ขว้างๆ บ้างตามประสาคนเหลือกินเหลือใช้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง...กลับมีคนที่ยอมเดินด้วยเท้า จากจังหวัดอุบลราชธานี ไปยังจังหวัดอยุธยา ด้วยระยะทางไกลมากว่า 600 กิโลเมตร เพียงเพื่อเงินวันละ 20 บาท

เรื่อง ที่ทางทีมงานจะขอนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เพื่อนสมาชิกเว็บไซต์ พันธ์ทิพย์ดอทคอม ประสบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง และอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟัง ซึ่งเขาก็เล่าว่า ... ผมและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดอยุธยา ระหว่างทางก่อนที่จะถึงจุดหมาย ผมได้มองไปข้างทางและเห็นชายแก่คนหนึ่งใส่เสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน กำลังเดินอยู่ข้างทางแบกถุงปุ๋ย พร้อมห่อผ้าขาวม้า 1 ห่อ เดินกลางแดดกลางวันร้อนๆ ยามบ่าย ผมจึงให้แฟนจอดรถและลงไปถามชายชราคนนั้นว่า

ผม : ตาจะไปไหน ทำไมมาเดินตากแดดแบบนี้เล่า
ตา : (ยิ้ม) จะไปอยุธยา
ผม : ตาจะไปทำไมที่อยุธยา ไปหาใครเหรอ
ตา : ไปรับจ้างเลี้ยงวัว มีคนเขาบอกว่าที่อยุธยา มีคนเขาหาคนเลี้ยงวัว
ผม : เขาจ้างวันละเท่าไหร่ ตารู้จักเขาเหรอ
ตา : เขาจ้างวันละ 20 บาท มีที่พักให้ด้วย (ตาหมายถึงนอนกับวัวเลย) ตาไม่รู้จักเขาหรอก ที่ไปนี้ก็ต้องไปถามเขาอีกทีว่าใครจะจ้างตาเลี้ยงวัวบ้าง
ผม : แล้วใครบอกตาว่าที่อยุธยาเขาหาคนเลี้ยงวัว
ตา : คนแถวบ้านตาบอก เขาพูดกันว่าที่อยุธยามีคนเขาหาคนเลี้ยงวัวเยอะ
ผม : ตามาจากไหนละ มาคนเดียวเหรอ แล้วยายไปไหนล่ะ
ตา : ตามาจากอุบลฯ ตามาคนเดียว เพราะยายตายแล้ว
ผม : ลูกๆ ไม่มีเหรอตา
ตา : มีลูก 2 คน ชายคน หญิงคน มีครอบครัวกันหมดแล้ว ไม่เคยเห็นหน้ามาหลายปีแล้ว ยายตายนี่พวกมันยังไม่รู้เลย
ผม : แล้วทำไมตาไม่อยู่บ้าน หางานแถวบ้านทำล่ะ
ตา : ตาไม่มีบ้าน พอยายตาย พี่น้องยายเขาก็ไม่ให้อยู่ในที่ของเขา งานแถวบ้านมี แต่เขาไม่จ้างตาทำ เขาบอกว่าตาแก่แล้ว ทำอะไรช้าไม่ทัน เขาก็ไม่จ้างตา
ผม : แล้วตามาถึงที่นี่ได้อย่างไง
ตา : ตาเดินมาเรื่อยๆ
ผม : เดินมาจากอุบลฯ นะเหรอตา ทำไมไม่นั่งรถเมล์มาล่ะ
ตา : (ยิ้ม) ตาไม่มีตังค์ (ควักเงินออกมาให้ดู ซึ่งในมือตามีเงิน 15 บาท เหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ ที่เหลือเป็นเหรียญบาทเก่าๆ สีเขียว)
ผม : แล้วตาออกจากอุบลฯ มาวันไหน
ตา : หลังสงกรานต์ 2 วัน (ยิ้ม)
ผม : แล้วตาเอาอะไรมาด้วย นี่ห่ออะไรที่ตาถือมา
ตา : อ๋อ ห่อกระดูกยาย กับถุงเสื้อผ้าตา
ผม : แล้วตากินอะไรอยู่
ตา : เดินผ่านร้านที่เขาขายมันต้ม แม่ค้าเขาเลยให้ตามากินฟรีๆ ไม่เอาตังค์ตาด้วย
ผม : (สายตาของผมมองไปที่เท้าของตา เห็นรองเท้าของตามีกระดาษติดที่ส้น) กระดาษติดที่เท้าตานะ ระวังหกล้ม
ตา : (ยิ้ม) อ๋อ ตาเอามันมารองที่เท้าตาเอง เพราะส้นรองเท้ามันขาดแล้ว เวลาเดินมันร้อนส้นเท้า
ผม : แล้วนั่นน้ำอะไรจ๊ะตา (เห็นน้ำสีน้ำตาลในขวดสีขาวขุ่นมากๆ วางอยู่ข้างๆ ตา)
ตา : น้ำกินตาเอง

หลัง จากนั่งคุยกับตาแกไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่า ตา อายุ 76 ปีแล้ว แต่ผมดันลืมถามชื่อแกมา รู้แต่ว่าสิ่งที่ได้สังเกตเห็นตลอดเวลาคือ เนื้อตัวค่อนข้างเลอะ มีรอยยุงกัดตามตัวเยอะมาก เพราะแกบอกว่าอาศัยนอนข้างถนน นอนศาลา และดวงตาของแกฝ้ามัวมาก เหมือนมีเส้นใยบางๆ ในดวงตา และอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นก็คือ "รอยยิ้ม" ที่ เห็นฟัน 1 ซี่ ของแกมีมาให้ตลอดเวลาระหว่างที่สนทนากัน ทำให้ผมรู้สึกว่าตาเป็นคนอารมณ์ดี จากนั้นผมจึงได้ส่งร่มในมือที่ถือก่อนลงจากรถให้แกไว้ใช้ พร้อมเงินอีก 190 บาท (เพราะมีอยู่แค่นั้น) ซึ่งตอนที่แกได้ร่ม ตาแกดีใจมาก ยิ้มตลอดเวลา ในใจแกคงคิดว่าต่อไปนี้แกคงไม่ต้องเดินร้อนแล้วล่ะ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมตาแกไม่ไปบวช หรือขอข้าววัดกิน เรื่องนี้พวกเราคุยกันว่า ตาแกยังคงอยากทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ไม่อยากจะขออาศัยวัดกิน มีมือมีเท้าก็อยากทำให้เกิดประโยชน์บ้าง …

...และ นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ยังมีคนอีกจำนวนมากต้องปาดกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง รู้แบบนี้แล้วทำไมไม่ลองมองย้อนมาดูตัวเอง ว่าวันนี้คุณ "พอเพียง" แค่ไหนกัน ? ทั้งนี้ผู้เล่าประสบการณ์ คิดได้ว่า เขาโชคดีเหลือเกินที่มีกินมีใช้ เกิดมาไม่ลำบาก มีพ่อแม่ มีเงินให้ใช้ แต่หลังจากเจอตาแล้วทำให้เขาคิดได้ว่า ต่อไปนี้เขาต้องรู้จักใช้เงิน รู้คุณค่าของเงินมากขึ้น เผื่อวันหน้าจะได้ไม่ลำบาก

ขอบคุณบทความดีๆจาก พันธุ์ทิพย์ดอทคอม

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อีกแล้ว

ในที่สุดผมก็ต้องอกหักอีกจนได้ จะว่ายังไงดีนะจะเรียกว่าเป็นแฟนกันแล้วก็คงไม่ได้เพราะพึ่งรู้จักกันไม่นานและเธอก็ไม่เคยยอมรับว่าผมเป็นแฟน แต่อยู่มาวันนึงจู่ๆเธอก็บอกกับผมว่าเธอตัดสินใจที่จะคบกับผมเป็นแฟน ตอนนั้นพูดไม่ออกเลยแต่ก็ดีใจมาก แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจในตัวเธอซักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเราใช้เวลาศึกษากันน้อยมาก ผมยังบอกกับเธอเลยว่าให้ดูกันไปก่อนก็ได้จะได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างเป็นยังไง แต่วันนี้วันที่เธอแสดงออกให้ผมรู้สึกได้ว่า เธอไม่อยากคบกับผมแล้ว หลายๆการกระทำของเธอมันยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่า ผมไม่คู่ควรกับเธอ ก็จะต้องทำใจยอมรับให้ได้ ยังดีที่เธอแสดงออกให้รู้เร็ว ดีกว่าที่จะปล่อยให้ยืดเยื้อมากไปกว่านี้ ซึ่งมันคงดีต่อทั้ง 2 ฝ่าย ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่เธอเคยมีให้กับผม แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่สำหรับผมถือว่ามันมีคุณค่ามาก ก็ต้องขออวยพรให้เธอโชคดีและมีความสุขกับคนที่เธอเลือกมากๆ

ขอบคุณนะ

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้

ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้ที่ไม่ใกล้
คอยห่วงใยรักเธออยู่ห่าง-ห่าง
ตรงที่นี้ไม่มีเธอจึงอ้างว้าง
น้ำตาหล่นรินบ้างบางเวลา

ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้ตรงที่เก่า
ที่ ที่ เงาแห่งความเหงาเฝ้าถามหา
เผื่อเธออยากหันกลับยามอ่อนล้า
คืนย้อนมาหนุนตักคนภักดี

ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้ที่มองเห็น
โดยขอเป็นกำลังใจให้ที่นี่
แค่ได้รักเธอไกล-ไกลสักนาที
ความรานร้าวที่มีได้ผ่อนคลาย

ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความหวัง
และจะยังรักต่อไปไม่ห่างหาย
รักของฉันนั้นเป็นดั่งเม็ดทราย
แม้คลื่นคลายเกลียวซัดยังมัดใจ

ฉันขอยืนอยู่ในส่วนที่เป็นฉัน
ไม่จำเป็นต้องผูกพันกันก็ได้
เธอก็อยู่ในโลกของเธอต่อไป
ไม่เรียกร้องสิทธิ์ใด ใด ให้กลับคืน

ฉันขอยืนอยู่ตรงนี้อย่างเจียมตัว
เพราะในหัวใจเธอมีใครอื่น
จะไม่ก้าวล่วงล้ำจนกล้ำกลืน
แค่ได้ยืนมองไกล-ไกล..พอใจแล้ว

บทความโดย jin

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความรัก แค่...ความผูกพัน


วันนี้ เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง จนคิดว่าเราขาดไม่ได้...
แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป
สักวันเราจะรู้ว่า สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้
เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต

วันหนึ่ง หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่ที่เราคิดว่าเราพึงใจ..ปรารถนา..ต้องการ..ขาดไม่ได้
เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก

เวลา.. จะสอนเราเองว่า ความผูกพันกับสิ่งใดๆในช่วงเวลาหนึ่ง
จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้นๆอย่าได้ไปยึดติด
อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตลุ่มหลง
คิดเสียว่าเราโชคดีที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก

ความผูกพันก็เหมือนกับความรัก หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก
แต่ความผูกพันที่ว่า ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเองไว้กับสิ่งนั้นๆ
เพราะคนเราทุกคนย่อมผูกพันกับหลายๆสิ่ง

เปรียบเสมือน เรามีแก้วนำอยู่หนึ่งใบ
ในยามเช้า...เราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม
พออากาศร้อนหน่อย...เราอาจต้องการน้ำเย็นๆ
บางครั้งที่เราไม่สบาย...เราอาจต้องการน้ำอุ่น

ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ...
ต้องเติมสิ่งต่างๆ ในเวลาที่แตกต่างกัน ตามความเหมาะสม

หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ
แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันที ในแก้วใบเดียวกัน
แก้วใบนั้น..ก็จะร้าว..เริ่มแตก ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา...

ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่งนั้น..ไม่ผิด
ถ้าเราค่อยๆปรับใจ..ปรับตัวของเราเอง..
ให้กลับคืนในเวลาที่ควร เพราะอย่างน้อยที่สุด..เราก็มีโอกาสได้ผูกพัน
ซึ่งก็เหมือนเรามีโอกาสได้รักนั่นเอง

ถ้าคุณมีความสุขที่เห็นเค้าเดินกับคนอื่น... คือ ความรัก
ถ้าคุณเศร้า..เหงา..คิดถึงเค้า..อยากเจอ..อยากพูดคุย... คือ ความรัก

ถ้าคุณร้อนรนที่เค้าอยู่กับใครๆที่ไม่ใช่คุณ... คือ ความใคร่
อยากเก็บไว้เป็นเจ้าของคนเดียว

ถ้าคุณเมามาย..เค้าลูบหลังไหล่..ดูแล... คือ ความรักที่บริสุทธิ์ใจ
ถ้าคุณเมามาย..เค้ากอดและสัมผัสร่างกาย... คือ ความใคร่จากเค้าของคุณ

ถ้าคุณเข้าหา.. แต่เค้าหนี... ... คือ ความใคร่ ที่หมดเยื่อใยแล้ว
ถ้าคุณหนี.. แต่เขาวิ่งตามมา... ... คือ ความรัก ที่ยังไม่มีจุดจบ

ถ้าคุณร้องไห้ให้กับคนที่ไม่มีเยื่อใยในตัวคุณ...
คุณคือ คนโง่ และบ้า อย่างน่าอาย

แต่ถ้าคุณพอใจ..จงรัก..และมอบความรักให้กับเค้า...
แม้มันจะไม่กลับมาหาคุณก็ตาม

จงดีใจที่ได้รักซะวันนี้.. ดีกว่าที่จะมานั่งเสียใจในวันหน้า
จงภูมิใจที่มีความใคร่.. เสน่หา
เพราะมันจะไม่ย้อนกลับมาหาอีกต่อไป...

ขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เทคนิคมองโลกในแง่ดี

คนไทยสมัยนี้เครียดกันง่ายจัง วันๆ หนึ่งต้องพบกับความทุกข์ใจ ไม่สบายใจ กังวลใจ กันหลายๆ ครั้ง ไม่ เหมือนกับคนไทยสมัยโบราณที่กว่าจะเกิดความเครียดขึ้นมาได้ โน่น..ต้องมีเสือบุกเข้ามากินวัว โจรบุกเข้ามาปล้น ถึงจะเกิดความเครียดกันทีหนึ่ง เรียกว่าวันๆ หนึ่งแทบจะไม่รู้จักความเครียดกันเลย ใบหน้าคนไทยสมัยก่อนจึงมีแต่รอยยิ้ม พวกฝรั่งซึ่งเป็นคนมาจากวัฒนธรรมอื่นมาเห็นเข้าพากันแปลกใจว่าทำไมคนไทย อารมณ์ดีกันจัง ก็เลยตั้งชื่อว่าให้ว่า "สยามเมืองยิ้ม"
นอกจากนี้คนไทยยังมีวิธีคิดที่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ให้รู้จักคิดปล่อยวาง คิดให้สบายใจ ในยามที่ต้องพบกับปัญหาหนักๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเหลือร่องรอยวิธีคิดเหล่านี้อยู่ในนิสัยคนไทยทั่วๆ ไปบ้าง แต่บางคนก็ลืมไปแล้ว หรือคนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก วันนี้เครือข่ายฯจึงขอนำวิธีคิดเหล่านี้นำมาปรับปรุงแก้ไขให้มีความเป็นพุทธ และ ให้มีความทันสมัย เหมาะกับคนยุคปัจจุบันมากขึ้น นำเสนอเป็นเทคนิควิธีคิดมองโลกในแง่ดีสำหรับคนยุคไอที ดังต่อไปนี้

ยามพบอุปสรรคในการทำงาน
ไม่ เป็นไร..เอาใหม่ : คำพูดนี้สำคัญมากครับ เอาไว้ใช้อุทาน เวลาท่านต้องประสบกับปัญหาความล้มเหลวในการทำงานหรือ เจอข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน หรือ เวลาเพื่อนร่วมงานทำงานผิดพลาด คำพูดนี้จะเป็นเครื่องปลอบใจและให้กำลังใจได้เป็นอย่างดี คำว่า "ไม่เป็นไร" เป็นคำที่ทำให้จิตใจปล่อยวางจากปัญหา ไม่ถูกบีบคั้นจากปัญหา คำว่า "เอาใหม่" เป็น คำพูดที่ปลุกคุณธรรมข้อ "วิริยะ" แปลว่า เพียรสู้งาน ปลุกใจให้เราคิดสู้ปัญหา ไม่ท้อถอย

ยามพบกับเหตุการณ์ร้ายที่ไม่พึงปรารถนา
โชคดีนะเนี่ย : ไม่ว่าคุณเจอะเจอกับความทุกข์กายทุกข์ใจอะไรในชีวิตประจำวัน ให้คิดเสียว่าสิ่งเลวร้ายที่เราต้องประสบทุกๆ ครั้ง มันไม่ได้ร้ายกาจจนถึงที่สุดแม้สักอย่างเดียว มันเป็นความ"โชคดี"ของเราจริงๆ ที่ไม่เจอหนักกว่านี้
ยกตัวอย่าง
เดินหัวชนเสาหัวปูด อุทานว่า "อูย ! ..โชคดีนะเรา หัวยังไม่แตก" โดนตัดเงินเดือน พูดกับตัวเองว่า "เขาไม่ไล่เราออก ก็บุญแล้ว ถือว่ายังโชคดีนะเนี่ย" ทำกาแฟร้อนๆ หกรดขากางเกง พูดกับตัวเองว่า "เหอ..ๆ โชคดี ที่มันไม่หกรดเป้ากางเกงเรา"

ยามมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
เขา ยังดีนะ : เวลาคุณมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ เช่นเพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน ฯลฯ เช่น บางคนอาจจะทำงานไม่ถูกใจ บางคนอาจจะทำอะไรผิดใจคุณ หรือ บางคนอาจจะมีเจตนาไม่ดีกับคุณ ให้คิดเช่นเดียวกันว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันก็ยัง ไม่ได้ร้ายกาจถึงที่สุดกับคุณแต่อย่างใด มันยังมีแง่ดีๆ ให้เราคิดถึงเขาอยู่เสมอ
ยกตัวอย่าง
คนข้างบ้านนินทาเรา เราก็บอกกับตัวเองว่า โอ้... นี่เขายังดีนะที่ไม่ถึงกับมาดักทำร้ายเรา มีคนมาขโมยปากกาที่โต๊ะทำงานเราไป เราก็คิดว่า เจ้าขโมยนี่ยังดี ที่ไม่ยกเครื่องคอมพ์เราไป สาวหักอก เราก็คิดว่า เธอยังดีนะเนี่ย ที่ไม่ควงคู่แข่งมาเย้ยเราให้เจ็บใจหนักไปกว่านี้ เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ เราก็คิดว่า เขาก็ยังดีที่ไม่ใส่ร้ายป้ายสีเราข้างหลัง

เทคนิคคิดเมื่อเจอปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
เอ๊ะ...! ตรงนี้เราได้อะไร : เป็นการตั้งคำถามเพื่อให้จิตตั้งแง่คิดเพื่อมุ่งหาความรู้ทันทีที่ได้พบกับ ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น นาย ก. เดินตกท่อ ขาแข้งถลอก นาย ก. ทั้งๆ ที่เจ็บปวด กลับตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า เราเดินตกท่อตรงนี้ เราได้อะไร ! เท่านั้นเองคำตอบต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมามากมาย อาทิเช่น
ก. เราได้ดูแลรักษาตัวเองอีกแล้วดีจัง ไม่ได้ดูแลตัวเองมานาน
ข. เราได้บทเรียนซาบซึ้งกับคำว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง" (เคยเดินมาดีๆ ทุกวัน วันนี้ใครกันดันมาเปิดฝาท่อ)
ค. มันทำให้เราได้ไอเดียเกี่ยวการทาแถบสีสะท้อนแสงตรงขอบท่อ เพื่อคนจะได้สังเกตเห็นได้แต่ไกลๆ
วิธี คิดเช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกเลยว่า ชีวิตนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย คือ แม้ว่าเราจะพบกับสิ่งที่ไม่น่าพึงปรารถนาก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักตั้งคำถามเช่นนี้เป็นนิสัย เราก็จะได้สิ่งที่ดีๆ มากมายจนบางครั้งเราอาจจะต้องนึกขอบคุณที่ได้เจอกับปัญหาบ่อยๆ เลยทีเดียว
ยัง มีวิธีคิดมองโลกในแง่ดีอีกมากมายหลายวิธี ซึ่งเครือข่ายชาวพุทธกำลังค้นคว้าหาข้อมูลจากพระไตรปิฎก เพื่อประยุกต์เป็นวิธีคิดนำมาเสนอท่านโอกาสต่อไป อย่าลืมติดตามตอนที่ ๒ เร็วๆ นี้นะครับ สวัสดี

ขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ความรัก... ก้าวเดิน

“ความรัก” ของคนเรา ก็มีเท้าเดินเหมือนกัน
เมื่อแรกเริ่ม . . . ความรักก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เพราะ . . . อยากจะถึงจุดหมายที่หวังไว้

คือ . . . ใครคนหนึ่งที่เรารู้สึกดีๆด้วย
เมื่อสมหวังแล้วความรักก็เดินไปเรื่อยๆ
. . . ไม่ต้องก้าวยาวและเร็ว
. . . เดินไปตามปกติและก้าวต่อไปเรื่อยๆ
. . . ในช่วงนี้ถ้าเดินเร็วไปอาจจะเจอหลุมและสะดุดได้
ก็คงจะต้องเดิน . . . อย่างระมัดระวัง
. . . และก้าวให้ได้จังหวะ . . . ที่เหมาะสม

แต่เมื่อถึงเวลา . . . ที่ความรักผิดหวังหรือจบลง
ความรัก . . . ก็จะเดินช้าลง
บางทีอาจจะช้า . . . ช้าจนเหมือนเราเดินถอยหลัง

เหมือนกับ . . . คนที่หกล้มแล้วขาเจ็บ
จะเดินไม่ถนัดนัก . . . ต้องรอเวลาเพื่อรักษาให้แผลที่เกิดจากการหกล้มหาย
แล้วค่อยก้าวเดินต่อไป . . . อย่างปกติ

ความรักก็มี step ในการก้าวเดินไปอย่างนี้เรื่อยๆ
ช้าบ้าง . . . เร็วบ้าง จนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่เราได้เจอคนที่ใช่จริงๆ
วันนั้น . . . ความรักคงเดินต่อไปได้เรื่อยๆ

ถึงจะหกล้มบ้าง ตกหลุมบ้าง
แต่ . . . ก็ยังมีคนที่คอยประคอง คอยเดินไปด้วยกัน
ไม่ใช่หกล้มแล้ว . . . ต้องลุกเดินต่อด้วยตัวเองอีกต่อไป

เมื่อความรัก . . . ก้าวเดิน
เราจึงต้องก้าวตาม . . . อย่างระมัดระวัง
จะหกล้มบ้าง จะสะดุดบ้างก็ต้องพยายามลุกขึ้น
. . . และกลับมาเดินต่อไป ให้ได้ . . .

ขอคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ลมหายใจกับคนพิเศษ

การที่เรามองข้ามคนที่พิเศษที่สุดของเราไป ก็เท่ากับว่าเราดูถูกเค้า และกว่าที่เราจะรู้ตัวว่าเราได้ทำร้ายจิตใจของคนๆ นั้นบางที คนพิเศษสุดคนนั้นของคุณ เค้าก็อาจจะจากคุณไปไกลแสนไกล

อยากจะขอถามทุกคนที่อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้ว่า คุณจำได้ไม๊ ว่าเมื่อปีที่แล้วทั้งปี คุณหายใจเข้าและออกกี่รอบ?จำได้หรือป่าว? งั้นจะขอถามใหม่ คุณจำได้ไม๊ เมื่อเดือนที่แล้วทั้งเดือน คุณหายใจเข้าและออกกี่รอบ? จำได้หรือป่าว?คงจะจำไม่ได้ซินะ งั้นจะขอถามใหม่อีกครั้ง คุณจำได้ไม๊ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณหายใจเข้าออกทั้งหมด กี่รอบ?ผมว่าคุณก็คงจะจำไม่ได้เหมือนเดิม คำถามต่อไป ก็คงจะเหมือนเดิม เมื่อวานนี้ คุณหายใจเข้าออกกี่รอบ?ผมจะไม่รอฟังคำตอบ และจะไม่ถามคำถามต่อไป เพราะถึงถามต่อ คำตอบก็คงจะเป็นเช่นเดิม คือ "จำไม่ได้"

แปลกนะ ทั้งที่ลมหายใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกใบนี้ แต่กลับไม่มีใครจำได้เลยแม้แต่คนเดียวว่าเคยหายใจไปแล้วกี่ครั้ง

...เพราะอะไร???...

ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยเห็นความสำคัญของมันเลยเราไม่เคยต้องยากลำบากเลย ที่จะได้หายใจเข้าและออกเราไม่เคยต้องกระเสือกกระสนที่จะได้หายใจในแต่ละครั้ง

...แต่ถ้าเป็นวินาทีสุดท้ายในชีวิตของคุณล่ะ???...

คุณหรืออาจจะเป็นญาติมิตรของคุณ อาจจะอ้อนวอนขอกับพระเจ้า ขอให้ท่านประทานลมหายใจอีกซักครั้งให้กับคุณเพื่อจะยืดเวลาให้กับคุณแม้วินาทีเดียว วินาทีที่มีค่ายิ่ง ทุกๆ คนที่อยู่รอบตัวคุณ จะเฝ้าภาวนาขออย่าให้การหายใจในแต่ละครั้งเป็นครั้งสุดท้ายของคุณเลย

มันเป็นสิ่งมีค่าและมีความหมายที่สุด ที่ถูกมองข้ามไป และเมื่อวันนั้นมาถึง วันที่มันเดินจากคุณไป มันอาจจะหันหลังกลับมามองคุณแล้วยิ้มที่มุมปาก หัวเราะ และสมน้ำหน้า แล้วมันจะบอกว่า "ที่นี้รู้หรือยัง ว่าฉันสำคัญต่อนายมากเพียงใด ทุกครั้งที่นายหายใจ นายทำเหมือนกับว่า ฉันเป็นเพียงแค่ทาสผู้รับใช้เมื่อวันนี้มาถึง ฉันก็ทำได้แค่ หัวเราะ ในความโง่เขลาของนาย"

ทุกคนก็คงจะมีคนที่พิเศษที่สุดในชีวิต คนที่สำคัญไม่แพ้ลมหายใจ หรืออาจจะสำคัญน้อยกว่า ในบางคน แค่ขอให้รู้ไว้เมื่อวันสุดท้ายมาถึง วันที่คนๆ นั้น ต้องจากคุณไป คุณจะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ อย่างน้อยๆ ก่อนที่เวลานั้นมาถึง

...อยากจะให้คุณดูแลคนๆ นั้นให้ดี..
...บางสิ่งที่หายไป อาจได้คืนมาราวปาฏิหารย์...
...แต่ถ้าหากคุณทิ้งขว้างไป โอกาสจะได้คืนมาคงยาก...

ไม่แน่นะ...คนที่พิเศษสุดคนนั้นของคุณ...เค้าอาจจจะมีคุณเป็นคนที่พิเศษที่สุดก็ได้นะ

ขอบคุณบทความจาก โพสต์สไมล์

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ความรัก พูดกันไม่มีวันจบสิ้น

เพราะรักในแบบของใคร ก็เป็นแบบของมันไม่มีแบบแผนตายตัว

อย่าฝืนใจรัก ถ้ามันไม่ใช่ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคบใครสักคนเพียงเพราะ อยากจะมีใครสักคน

อย่าชิงสุกก่อนห่าม เพราะผู้ชายที่ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นเพื่อถนอมหญิงที่รัก
แสดงว่าเขาไม่ได้รักคุณหรอก เค้ารักตัวเองมากกว่า

อย่าเปลี่ยนตัวเองเพียงเพื่อให้เขามารัก เพราะจะทำได้ไม่นาน
วันนึงคุณจะรู้สึกเหนื่อยเพราะความรัก ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง

อย่าหลงในรสชาติของความรัก เสียจนลืมชีวิตประจำวันของตัวเอง หรือสูญเสียความเป็นส่วนตัว

คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณโดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเลย
คนที่พร้อมจะเดินหน้าเมื่อคุณเดินหน้า
คนที่พร้อมจะถอยหลังไปกับคุณ
คนที่ไม่ยอมให้คุณเดินตามหลัง ขอเพียงเดินเคียงข้างหรือนำหน้า
คนที่ไม่บังคับให้คุณ ทำอะไรในแบบที่คุณไม่ชอบ
คนที่ไว้ใจ ให้อภัย ให้โอกาส ซื่อสัตย์ และให้เกียรติ คุณ
...นั่นแหล่ะ คือคนที่รักคุณจริง.....
จงถนอมคนเหล่านี้ไว้ อย่าปล่อยให้เขาไปจากคุณ..
เพราะคุณจะเสียใจหากเขาเปลี่ยนไปหยิบยื่นความโชคดี
ที่ควรจะเป็นของคุณไปให้คนอื่น

คนที่รักคนที่เปลือกนอกมีอยู่เยอะเหลือเกิน.
ชีวิตคนคนนึงจะมีคนที่รักคุณจริงผ่านมาสักกี่คน
ใครที่บอกว่ารักคุณ แล้วพยายามจะเปลี่ยนคุณ ดึงคุณให้เดินตามทางของเขา
เขาไม่ได้รักคุณจริงหรอก...เขารักตัวเอง
จงเชื่อในพรหมลิขิต
จงเชื่อในเหตุการณ์ที่นำพาความรักมาให้
จงเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีเส้นขนาน
อย่าบอกว่าไม่รัก ถ้าไม่สามารถสบตาเขาอย่างบริสุทธิ์ใจได้
อย่าบอกว่ารัก ถ้าคุณไม่รู้สึกวูบวาบเวลาอยู่ใกล้ๆ
อย่าบอกว่าไม่คิดถึง ถ้า หัวใจไม่อาจลืม
อย่าบอกว่าคิดถึง ถ้า เพิ่งจากกันไม่ถึง 1 นาที
อย่าทิ้งหัวใจของคุณไว้กับอดีต
อย่าคิดว่าอดีตไม่มีวันหวนคืน
อย่าคิดว่าไม่มีพรุ่งนี้
อย่าลืมบทเรียนของเมื่อวาน
ทุกชีวิตยังมีความหวังอยู่เสมอ

จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินต่อไป..วันนึงถ้าชีวิตหวนคืนมาสู่ทางสายเก่าที่เคยทำให้

คุณมีความสุขระหว่างเดินทางในแต่ละก้าว..จงอย่าเดินเลี่ยงมันไปอีก
เพราะน้อยนักที่ถนนสายเดิมยังคงสภาพเดิมเพื่อรอให้คุณเดินย้อนกลับมา..
ลองเดินต่อไปสิ..บางทีคุณอาจจะเจอจุดหมายที่คุณค้นหามาตลอดชีวิต
ในเส้นทางที่คุณเคยเดินเลี่ยงมันไปก็ได้...

บทความจาก โพสต์สไมล์

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552


สวัสดี….ความรัก

ความจริงการเขียนจดหมายถึงเธอ

ก็เปรียบเหมือนเขียนจดหมายถึงคนที่ไม่รู้จักกันดีนัก

โดยเฉพาะกับเธอด้วยแล้ว เวลาเห็นจดหมายฉบับนี้ก็คงงงมากเลย

แน่นอนแหละ ก็เธอไม่เคยแม้แต่จะแวะมาทักทายกับฉันเลยนี่

ผิดกับฉัน....ที่เฝ้าวิ่งตามเธอเพื่อหวังที่จะได้ทำความรู้จักกับเธอสักครั้งหนึ่ง

ก็มีแต่เธอนั่นแหละที่เหมือนจะวิ่งหนีฉัน

ไม่ยอมแม้กระทั่งหันมามามองคนอย่างฉันเลย

ฉันเหนื่อยมากนะกับการวิ่งตามเธอ

เหนื่อย...จนบางครั้งอยากจะหยุด

หยุด...เพียงเพื่อหวังว่าเธอจะหันมาเห็นใจคนอย่างฉันบ้าง

….................แต่เปล่าเลย เธอกลับวางเฉย ไม่สนใจฉันเหมือนเคย............

ฉันจึงได้รู้จักเธอแต่เพียงฝ่ายเดียว

ฉันไม่เข้าใจเธอเลย ทำไม...เธอจึงเมินเฉยกับฉันนัก

ฉันจำได้ว่า ฉันไม่เคยมองเธอในแง่ลบเลย

ฉันมองเธอด้วยความชื่นชมเสมอ

เธอคือสิ่งสวยงามที่สุด ที่ใครๆ ก็อยากได้รู้จักกับเธอ

มีหลายต่อหลายคนได้รู้จักกับเธอ

คนเหล่านั้นพูดถึงเธอไว้มากมาย

..... บ้างก็ว่าเธอช่างแสนดี ทำให้ชีวิตของเค้ามีค่า

.....แต่บางคนก็ว่าเธอคือสิ่งที่ทำลายชีวิตเค้าทั้งชีวิต

ฉันไม่เคยเชื่อใคร.........

ฉันรอว่าสักวันหนึ่งฉันจะต้องรู้จักกับเธอด้วยตนเองให้ได้

มีบางครั้ง....ที่ฉันได้เข้าใกล้เธอ

แต่นั่น....ก็เป็นเพียงฉันคิดไปเองเท่านั้น

คิดว่าเธอหยุดรอฉัน ........

เปล่าเลยเธอยังคงห่างไกลจากฉันอยู่......เหลือเกิน

บางทีฉันก็แปลกใจนะ ........

ว่าทำไมกับคนที่เห็นความสำคัญของความรักอย่างฉัน

เธอกลับทำเหมือนมองไม่เห็น มองข้ามอยู่ตลอดเวลา

แต่กับคนบางคนที่เค้าไม่อยากแม้แต่จะหยุดทักทายเธอ ทำความรู้จักกับเธอ

เธอกลับอยากรู้จักกับเค้านักหนา พยายามให้เค้าได้รู้จักในตัวตนของเธอ

ซ้ำบางครั้งเค้าเอ่ยปากไล่เธอไปให้พ้น ..... แต่เธอก็คงอยู่กับเค้า

ยังคงให้ความสนิทสนมกับเค้าครั้งแล้ว...ครั้งเล่า

….......แต่กับฉันเธอกลับวางเฉยได้อย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ เลย

ฉันมันไม่คู่ควรได้รู้จักกับเธอ….....

ฉันอยากรู้จริงๆ เลยว่าเธอใช้อะไรเป็นเครื่องวัดล่ะ

ว่าใครควรได้รู้จักกับเธอ

แล้วฉันคนนี้ล่ะ....จะต้องทำอะไร....อีกสักเท่าไหร่

ฉันจะต้องวิ่งตามเธออีกนานแค่ไหน

ฉันน่ะไม่หวังที่จะได้คำตอบจากเธอหรอก

เพียงแค่อยากจะบอกให้เธอรู้ไว้เท่านั้นเอง ว่า….

ยังมีคนอีกคนหนึ่งนะที่เฝ้าจะได้รู้จักกับเธอ

ก็แค่เตือนเธอเท่านั้นเอง

เผื่อบางทีในบัญชีรายชื่อของเธออาจจะตกชื่อของฉันไปก็ได้นะ

อยากรู้จักกับเธอมากที่สุด


ปล.วันได้ที่ฉันหยุดวิ่งตามเธอ หวังไว้เธอคงหันมาสนใจทักทายฉันบ้าง

และวันใดที่ฉันได้รู้จักกับเธอ

วันนั้นฉันจะเขียนจดหมายพร้อมของขวัญกล่องใหญ่ไปให้นะจ๊ะ

จากคนที่เฝ้อคอย..................ความรัก
ขอบคุณบทความจาก โพสต์สไมล์

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

ความรักกับความผูกพันธ์

มีหลายคนที่สับสนกับคำสองคำนี้ความรัก กับ ความผูกพันธ์ มันคืออะไรนะ ต่างกันอย่างไร ความรัก กับ ความผูกพันธ์ เหมือนกันมั้ยนะถ้าไม่มีความผูกพันธ์ก็เกิดความรักได้นี่นาแต่ถ้าเกิดความรักแล้วไม่มีความผูกพันธ์ล่ะจะเป็นไปได้รึเปล่านะ

สำหรับเรา ความรักกับความผูกพันธ์ไม่เหมือนกัน มันแตกต่างกัน ความรักเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกที่ ทุกเวลาไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน กับใครก็ตามบางครั้งเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว และไม่สามารถตอบได้ความรักคือการให้ การทุ่มเท การให้ความรู้สึกดีๆให้สิ่งที่เกินพอสำหรับใครซักคนที่เรารักการทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุขจนเหมือนกับว่าคนๆ นั้นเป็นคนที่พิเศษกว่าคนอื่น(ซึ่งจริงๆ แล้วก็ใช่)ความรักจึงเป็นการทำเพื่อคนๆ หนึ่ง ซึ่งไม่ว่าเมื่อไหร่ เวลาไหนสำหรับคนที่เรารัก ความคิดถึง ความเป็นห่วงจะเกิดขึ้นตลอดเวลาเราจะห่วงว่าเขาไปที่ไหน ไปกับใครความรัก เกิดขึ้นได้แม้เพียงพบกันแค่นาทีแค่เห็นหน้าเพียงครั้งแรก ครั้งเดียวความรักไม่จำเป็นต้องใช้เวลาแต่การจะทำให้ความรักคงอยู่ หรือเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่นั่นต่างหากเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และนำความผูกพันธ์ใส่ลงไปเพราะความผูกพันธ์เป็นสิ่งที่ทำให้คนสองคนได้รู้จักกันมากขึ้น

เป็นช่วงเวลาที่ทำให้คนสองคนปรับตัวเข้าหากันความรักจะคงอยู่ได้ หากความผูกพันธ์เกิดขึ้น

ความผูกพันธ์นั้นต่างกับความรักเพราะการผูกพันธ์กับใครซักคน ไม่จำเป็นที่เราจะต้องรักสำหรับ ความผูกพันธ์ มันคือความรู้สึกคิดถึงช่วงเวลาหนึ่งที่เคยเกิดขึ้น การที่เราคิดถึงคนๆ หนึ่งเวลาที่เราจากกัน เวลาที่ไม่ได้พบ ไม่ได้พูดคุย นั่นไม่ใช่ความรักเราไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อเค้าเราไม่ได้ต้องการให้สิ่งใดกับเค้าไม่ได้ห่วงว่าเขาจะไปกับใคร เมื่อไหร่ หรือที่ไหนแต่เราเพียงแค่คิดถึง ความทรงจำที่ดี เวลาที่เคยอยู่ด้วยกันดังนั้น ความผูกพันธ์จึงเป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการใช้เวลา

มันเป็นความทรงจำ เป็นความรู้สึก และไม่ใช่ความรักเพราะเกิดได้กับทุกคน กับเพื่อน พี่ น้องหรืออาจเป็นใครก็ตามที่ครั้งหนึ่ง เคยใช้เวลาอยู่ร่วมกัน

มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความคิดถึงและเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดความรักนั่นเองทั้งความรักและความผูกพันธ์ เป็นสิ่งที่ควรมีอยู่ร่วมกันถึงแม้ว่ามันจะแตกต่างกันก็ตาม สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าเราจะแยกมันออกจากกันได้หรือเปล่าเท่านั้นเองว่าอันไหนคือความรักอันไหนคือความผูกพันธ์เพราะจริงๆ แล้วมันแทบจะไม่ต่างกันเลยเพราะทั้ง 2 สิ่งควรจะมีอยู่คู่กัน

ปัญหาของความรักกับความผูกพันธ์อยู่ตรงที่บางคนไม่สามารถแยกได้ว่า ความรัก กับ ความผูกพันธ์ ต่างกันตรงไหนความสับสน ความลังเล จะเกิดขึ้นถ้าหากวันนึง คุณรักใครซักคน และมีความผูกพันธ์กับใครอีกคนคุณจะตอบตัวเองได้หรือเปล่าว่าคุณจะเลือกใคร หากคุณคิดว่าคนที่คุณผูกพันธ์คือคนที่คุณไม่สามารถลืมเค้าได้และคนที่คุณรัก คุณก็ไม่สามารถเลิกรักเค้าได้เช่นกันจำไว้ว่า…จงเลือกคนที่หัวใจของคุณต้องการ อย่าใช้คำว่าถูกหรือผิดเพราะมันใช้กับความรักไม่ได้แต่จงใช้หัวใจของคุณเองหากคุณต้องการค้นหาใครซักคนที่จะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต

บทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

นิทานความรัก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเรื่องเล่าระหว่างสาวสวยและหนุ่มรูปงามผู้ซึ่งรักกันอย่างดูดดื่ม...ทั้งสองได้สาบานว่าแม้ความตายก็มิอาจจะพรากรักอันแสนจะมั่นคงนี้ลงได้และในครั้งนั้นยังมีแม่มดตนหนึ่งผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่าไม่มีสิ่งใดที่จะแน่นอนเท่าความไม่แน่นอนแม่มดไม่เชื่อว่าความรักของทั้งสองจะมั่นคงจึงคิดหาทางพิสูจน์ขึ้นมา นางกล่าวว่าหากพวกเจ้ามั่นใจในรักของอีกฝ่าย ซึ่งยั่งยืนแม้ว่าความตายจะพรากดังนั้นข้าก็อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นอย่างไร...ข้าขอสาปให้นับแต่นี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติ บุรุษนี้จะไม่มีทางจำเจ้าได้เขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเคยรักเจ้า และตรงกันข้ามกับเจ้าเจ้าจะเป็นคนที่จำทุกอย่างได้ เพราะเจ้าจะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไปไม่แก่ไม่เฒ่า ไม่มีวันตาย จะอยู่อย่างนี้นิรันดร์...เจ้าจะจำเวลาที่เคยรักเขาเคยเป็นที่รักและต้องเฝ้ารอการกลับมาของเขาในชาติแล้วชาติเล่าตลอดกาล...

"วันใดก็ตามที่เจ้าทำให้เขารู้ตัวว่ารักเจ้าทำให้เขาจำเจ้าได้วันนั้น...คือวันที่ความเป็นนิรันดร์ของเจ้าสิ้นสุดลง...เจ้าจะแก่และตายตามสภาพของอายุขัยที่ควรเป็น...และคราวนี้ก็จะเป็นทีของเจ้าหนุ่มนั่นแทน...เขาจะต้องเป็นคนที่ค้นหาเจ้าบ้าง..."หลังจากนั้นมาปีแล้วปีเล่าเวลาผ่านไปศตวรรษทบศตวรรษที่หญิงสาวเฝ้าตามหาชายหนุ่มคนรัก

และทุกครั้งที่เธอได้พบเขาในสภาพของใครคนหนึ่งที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย...เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาจำเธอได้

แต่มันไม่เคยสำเร็จชาติแล้วชาติเล่า...หลังจากการเกิดและดับของเขาผ่านไปนับสิบครั้งเขาก็ยังไม่อาจระลึกได้ถึงความรักของเธอ...ความทุกข์ทรมานของหญิงสาวถูกเฝ้าดูอย่างเย้ยเยาะโดยนางแม่มดผู้รอคอยเวลาที่หญิงสาวจะยอมรับว่า...รักแท้ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากไม่มีจริง แล้วนางแม่มดก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าในช่วงหลังๆ มาหญิงสาวไม่ได้พยายามที่จะทำให้ชายหนุ่มระลึกถึงตนไม่พยายามให้ชายหนุ่มรักตนแต่กลับทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้เขามีความสุข

และทำให้เขาเกิดรอยยิ้มแทน...แล้ววันหนึ่งนางแม่มดก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวจึงปรากฏตัวเพื่อเอ่ยถามกับตัวหญิงสาวเอง...

"...เจ้าได้ละทิ้งความพยายามของเจ้าเสียแล้วล่ะหรือ...ความพยายามที่จะพิสูจน์ให้ข้าเห็นอำนาจและพลังของรักแท้ที่เหนือกว่าอำนาจใดๆ แม้กระทั่งคำสาปของข้า..."

"จริงๆ แล้ว ข้าก็มีเหตุผลของข้า"หญิงสาวตอบนางแม่มดกลับไป

"...ข้าไม่ได้ละทิ้งความพยายาม...เพียงแต่...ข้ากลัวว่าความพยายามของข้าจะสัมฤทธิ์ผล...แล้ว"
"แล้วเจ้าก็ต้องแก่และตาย"นางแม่มดต่อให้ด้วยเสียงเย้ยหยัน

" ที่แท้เจ้าก็กลัวที่จะตาย เจ้ากลัวจะสูญเสียความเป็นอมตะของเจ้า...เฮอะ นี่หรือรักแท้ของเจ้า"หญิงสาวไม่ปฏิเสธ นางเผชิญหน้ากับนางแม่มดและรับคำกล่าวหานั้น

"อาจใช่...มันเป็นความจริงที่ข้ากลัวว่าหากข้าทำให้เขาจำข้าและรักข้าได้ข้าจะต้องตายจากเขาไป"
"และเจ้าก็ไม่เชื่อใจว่าเขาจะทำให้เจ้าจำได้เช่นนั้นหรือ?"

หญิงสาวจ้องหน้าแม่มดนิ่งอยู่ ก่อนตอบ

สิ่งที่ข้าเกรงไม่ใช่เรื่องนั้น...ท่านรู้อะไรไหม...ตลอดเวลาอันยาวนานที่ข้าเฝ้าเดินทางตามหาเขาเฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่ารอวันที่เขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้ง...ตลอดเวลาที่ข้าเฝ้ามองการเกิดและการตายของเขามันคือความทรมานอันยาวนานที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด...และสำหรับข้าความทุกข์อันแสนสาหัสคือ การได้เห็นความทรมานของผู้เป็นที่รักโดยที่เราไม่อาจเอื้อมมือเข้าไปช่วยเหลือได้...หลายครั้งที่ข้าอยากให้ตัวข้าเห็นแก่ตัวพอที่จะพยายามทำให้เขารักทำให้เขาระลึกถึงข้าได้อีกครั้งเพื่อที่ข้าจะได้เป็นอิสระต่อการพันธนาการนี้...แต่ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงมันความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับเนื่องจากการรอคอยที่ไม่มีวันจบสิ้นก็ทำให้ข้าคิดได้

...ข้าไม่อาจให้เขาต้องแบกรับความรู้สึกทรมานเช่นที่ข้าได้รู้สึก...ความรักของข้าอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะตัดสินใจพยายามให้เขาจำข้าได้ต่อไปและจากนี้ต่อไป แม้ว่าข้าจะต้องรอคอยไปชั่วนิรันดร์ สิ่งเดียวที่ข้าจะทำคือข้าจะทำให้เวลาของเขามีแต่ความสุขเท่าที่พลังของข้าจะทำได้ข้าอาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาก็จริงแต่ข้าก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของเขา...ข้าอาจเป็นคนอ่อนแอในสายตาของท่านอย่างไรก็ตามนี่ก็คือความรักของข้าคือสิ่งที่ข้าเป็น...แม้ชีวิตของข้าจะต้องเดียวดายตลอดกาลแต่ข้าก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่าคนที่ข้ารักจะไม่มีวันเดียวดายเช่นตัวข้า...เพราะเขาจะมีข้าข้างกายเขาชั่วนิรันดร์ "........................

นิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบเพราะอยากให้คนที่อ่านจินตนาการถึงตอนจบเอาเอง

ในชีวิตของเรามีหลายช่วงต่อหลายช่วงที่เราคิดว่าเรารักใครสักคนมากมายเหลือเกินและหลายต่อหลายครั้งที่ความรักของเราก็ต้องการความรักตอบกลับมาหลายคนฟูมฟายกับโชคชะตาว่ารักที่ไม่ได้รักตอบคือการสูญเวลาเปล่า...

แต่มีหลายต่อหลายคน...ที่ดีใจกับโชคชะตาที่เกิดมาสักครั้งแต่ยังได้รักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ...

ทุกอย่างในชีวิตมีทางเลือก...ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกทางไหน...หรือคุณจะเลือกหรือไม่?คุณจะเลือกทางไหน

...เปิดประตูรับความรักเข้ามาเพื่อเติมความอบอุ่นให้กับหัวใจแม้เพียงช่วงหนึ่งของชีวิต...หรือจะมัวแต่ฟูมฟายโทษตัวเองกับความรักที่ให้ไปแต่ไม่ได้รักตอบ...??

...ทางเลือกเป็นของคุณ...

ขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

ที่ตรงนั้น...กับที่ตรงนี้...

เพราะสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตเรามีหลายด้าน
บ่อยครั้งเราเกิดสับสนว่าจะรักษาอะไรไว้
จะเลือกอะไรดี “ระหว่างชีวิตกับความรัก”
เราไม่จำเป็นต้องเลือก
เพราะสองอย่างสำคัญเท่ากัน
เพียงแต่…
“ที่ตรงนั้นกับที่ตรงนี้
ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน”

ถ้าเรารู้จักใช้ชีวิต
เราก็จะรู้วิธีรักษาและดูแลชีวิต
และถ้าเรารู้จักคนรักและความรักอย่างแท้จริง
เราจะรู้จักวิธีประคับประคอง ดูแลรักษา
ให้ความรักเดินไปพร้อมๆ กับด้านอื่นๆ ได้

แล้วถ้าเราเข้าใจทั้งสองด้านได้มากพอ
เราจะไม่รู้สึกเหนื่อยที่ต้องแบกชีวิต
พร้อมกับดูแลความรักให้ดีอยู่เสมอ
เพราะแท้จริงแล้วทั้งสองสิ่ง
ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน

“ชีวิตอาจต้องการการทุ่มเท
แต่ความรักต้องการความใส่ใจ”

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tamdee.net/



วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

สายลมสีชมพู


ลมหนาวพัดผ่านมาครั้งนี้
คงถึงเวลาที่จะพัดผ่านไปด้วยกัน

รู้มั้ย ลมหนาวพัดผ่านมาอีกครั้งแล้ว
ความรู้สึกลึก ๆ ที่อยู่ข้างใน
มันก็ค่อย ๆ พัดพาออกมากับสายลม
จะมีใครเป็นเพื่อนผมได้ดีเท่าสายลม
ลมหนาวในยามที่แสงแดด เจิดจ้า แต่อากาศเย็นเช่นนี้
ถ้าหากครั้งใด ที่เราถามตัวเอง
ว่าเหตุใด ชีวิต จึงเป็นเช่นนี้
มันมีทุกข์ มีสุข นั่นคือคำตอบใช่ไหม
ให้มันผ่านไป ผ่านไปกับสายลม

ลมเบา ๆ รอบ ๆ ตัวเรากลายเป็นลมหนาว
แสงแดดอุ่น ๆ ก็อ่อนหวานกว่าฤดูไหน ๆ
รอยยิ้มจาง ๆ กับใบไม้เล็ก ๆ โรยราย
สีขาวใสบริสุทธิ์ กับสีชมพูเปื้อนแก้ม
เสียงเปียโนอ่อนนุ่มกับสายกีตาร์ดีดพริ้ว

ลืมตาสัมผัสแดดไอยามเช้า
กลิ่นพีชจากดอกไม้แห้งข้างเตียง
เคล้ากรุ่นไปในอากาศ
แต่งแต้มสีสันให้
สายลมสีขาวสายลมหนาว ๆ เจือไปด้วยสีส้มบาง
สายลมที่เต็มไปด้วยความฝัน และจินตนาการของผม
คงเป็นได้แค่นี้

แต่สายลมอ่อนโยนที่พัดผ่านตัวเธอ
ถ้าสายลมนั้นจะผ่านมาทางผมบ้าง
ให้สายลมสองสีได้บรรจบกันเป็นผืนเดียว
เหมือนผ้าบาง ๆ ที่มีสีต่างกัน
ไหลลื่นผูกมัดเป็นผ้าผืนเดียว
ถ้าเป็นจริงอย่างนั้น ...
สีที่มองเห็น สายลมที่โอบล้อมตัวเรา
คงเป็นสีชมพูสาย

ลมพัดผ่านทุ่งกว้าง
ผ่านหุบเขา ลำน้ำ ท้องทะเล
จากผืนดินสู่พื้นน้ำ จากยอดเขาสีขาวไปสู่ป่าดงดิบสีเขียว
ผ่านไร่ข้าวโพดสุดสายตา สวนดอกไม้
ลู่ไล่ไปตามสายน้ำ จากต้นน้ำ มหาสมุทร
ไกลเพียงใด สายลมก็จะพัดผ่านไป
แม้ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ แม้ภูผาที่สูงชัน
การเดินทางนับหมื่นล้านไมล์ จะอยู่สุดลึก
ดินแดนที่คนยังไปไม่ถึง หรือจะเป็นในเมืองใหญ่ผู้คนมากมาย
ทุ่งนาสีเขียว ทุ่งหิมะสีขาว ทานตะวันสีเหลืองทอง
จากเดือนปี แต่เพียงสองสามเดือนนี้
สายลมจะพัดกลับมา สายลมสีขาวจะพัดผ่านมา
แวะมาทักทาย ส่งรอยยิ้ม ไต่ถามเรื่องราว
ให้กำลังใจเมื่อยามเหงาและผิดหวัง
เป็นเสียงหัวเราะ เมื่อยามสุขและสมหวัง

แต่สายลมคงทำให้ฝันเป็นจริงไปไม่ได้
เป็นได้ก็แต่ลมที่พัดพาสิ่งต่าง ๆ ให้เดินหน้าต่อไป
ฝันที่เป็นจริงได้ ตัวเราเท่านั้นที่จะทำ

กลัวว่าสักวันหนึ่ง
สายลมสีชมพูไม่พัดผ่านมา
ใจฉัน จะลอยตามลมอื่นไป
ลมนั้นอาจะเป็นพายุรุนแรง
หรืออาจเป็นสายลมสีดำทมิฬ

คงจะมีสักวัน ...
ที่สายลมสีชมพู ... จะพัดผ่านมา ...
และไม่พัดผ่านไป ...

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

ความรัก...ของคนตาบอด


คุณเคยเห็นคนตาบอดไหม...
คนตาบอด...ที่เดินไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคู่....
คุณอาจเจอพวกเขาได้ ในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆ เช่น..ตลาดนัด...
พวกเขาไปที่นั่น เพราะหวังว่า... คงจะมี คนใจบุญ ไปเดินอยู่ที่นั่นบ้าง...

คนสองคน...ที่จับมือกัน...ค่อยๆ เดินกระเถิบไปด้วยกันทีละนิด..ทีละนิด...
เพราะต่างคน ต่างก็มองไม่เห็นอะไรกันทั้งคู่...

นอกจากไม้เท้าคนละอันแล้ว...ในมือพวกเขาถือวิทยุเก่าๆ เครื่องนึง...
กับไมค์อีกอีกหนึ่งอัน...ที่ขาดไม่ได้ ก็คือขันอลูมิเนียม...
อาวุธสำคัญที่ใช้หากินอยู่ทุกวัน..
เราอาจจะไม่ คุ้นหู กับเพลงที่เขาร้องนัก...
แต่ก็ดูว่าเขาตั้งใจร้องเหลือเกิน...
และดูเหมือนเขาก็หวังว่าคุณจะต้องชอบมัน...

เราเห็นเขาจับมือกัน...
วินาทีนั้น...ทำให้นึกถึงอะไรบางอย่างที่เราเคยมองข้ามมาตลอด...

คุณเคยนึกถึงความรักของ..คนตาบอด..หรือเปล่า....
คนตาบอดรักกันได้ยังไงนะ...
เพราะคนตาบอด...ไม่เคยรู้เลยว่า...
คนรักของเขา..มีหน้าตาเป็นอย่างไร..
คนตาบอด..จะรู้จักก็เพียงจิตใจของคนรักของเขาเท่านั้น...
เมื่อเขามีความพอใจกันและกัน....
ไม่มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี
ให้กังวลใจ...เพราะต่างคนก็ต่างไม่มีสิ่งนี้...
ต่างคน..ต่างก็ไม่มีเงิน...
ตาสองข้าง ปิดสนิท....แต่เปิดใจเข้าหากัน..
คนสองคนที่อยู่ด้วยกัน ด้วย " ใ จ " ล้วนๆ...
ความรัก....ก็เกิดจากตรงนั้น...

คนตาบอด พาคนที่เขารัก ไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง...
คนตาบอด ไม่เคยกลับบ้านดึก...
คนตาบอด ออกจากบ้านพร้อมกัน...และกลับถึงบ้านพร้อมกัน...
พวกเขาเคยแยกกันบ้างหรือเปล่านะ.... ?

คุณรู้หรือเปล่า.....คนตาบอด จับมือของคนที่เขารักไว้เสมอๆ เกือบตลอดทั้งวัน...
คุณเคยทำอย่างเขาบ้างไหม... ?

เรากลับมานึกถึงความรักของคนที่ตาดี...
หลายๆ คน มีเกียรติยศ หน้าที่การงานที่ดีเหลือเกิน...
หลายๆ คน ทั้งหล่อ ทั้งสวย...ทั้งรวย ทั้งฉลาด...
แต่พวกเราหลายๆ คนกลับต้องมาเสียใจเพราะความรัก...

หรือว่าพวกเรามองเห็นกัน....เพื่อจะเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการให้มากขึ้น....
เอ....พวกเราคาดหวังอะไรจากคนที่เรารัก....มากเกินไปหรือเปล่านะ...

อนาคตของคนตาบอด..อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้...
ดูเหมือนเขาจะ...สงสัยก็เพียงแต่ว่า...
วันพรุ่งนี้...จะมีคนใจบุญซักกี่คน...
ที่ทำให้พวกเขากลับบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข....

ขอบคุณตลาดนัด...ที่ทำให้เราเห็นภาพดีๆ ในวันนี้....

เชื่อว่าครั้งหน้า...ที่คุณเห็นคนตาบอด...ใจของคุณจะเปิดกว้างขึ้น...
คุณอาจมองเห็นภาพที่คุณไม่เคยมองเห็น...
ไม่ใช่ด้วยตา...แต่เห็นด้วยหัวใจ...
เหมือนกับภาพที่เราได้เห็นในวันนี้...

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

คำว่า รัก

คำว่า "รัก" มีอะไรมากมายซุกซ่อนอยู่ในนั้น
อาจจะหวานชื่น ขมขื่น หรืออะไรอื่นอีกหลากหลาย
ที่จะทำให้คนรู้จัก "รัก" ได้สัมผัสและรู้สึกถึง…

ความรักเริ่มจากความคิด
เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก
บางที.. ความรักอาจทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงความคิดไปจากเดิม
อาจทำให้คนเราต้องปรับปรุงในสิ่งที่เคยทำ เพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคน

ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา
คุณจะไม่สามารถรักใครได้ ถ้าไม่รู้สึกเชื่อมั่นเสียก่อน
และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น ก็คือตัวเอง

ความรักคือการให้
ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรัก สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการให้ ยิ่งให้.. คุณก็จะยิ่งได้รับ
สูตรลับของความสุข และทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คือ
อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า

ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่
อยากได้รักแท้ ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้เสียก่อน
การจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา แต่อยู่ที่ว่า.. ต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันหรือเปล่า
หากจะรักใครอย่างจริงใจ คุณควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็น มิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบาน
เติบโตทุกๆ วันนั่นเอง

การสัมผัส ช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น
เคยรู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครโอบไหล่หรือกอดคุณ?
การสัมผัส.. จึงเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่มีพลัง
และช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วย
น่าแปลกที่การสัมผัสสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาบางลงได้

อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย
ถ้าคุณรักใคร.. จงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้าง
เพราะคุณเองคงรู้สึกอึดอัด ถ้ามีใครมาล่ามโซ่คุณ ดังนั้น..
จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดี
เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความกลัวภายในใจเรียนรู้ที่จะยุติธรรม และลดทิฐิ รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ลงบ้าง
ลองบอกตัวเองว่า.. นับแต่นี้ คุณจะทิ้งความกลัวทั้งหมด
แล้วอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวคุณได้.. นับจากวันนี้ไป คุณก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที

ชีวิตจะเปลี่ยนไป
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้างและซื่อสัตย์ต่อกัน รวมถึง..
คุยกับคนรักอย่างเปิดเผย และกล้าที่จะพูดถ้อยคำวิเศษว่า "ฉันรักเธอ"
โดยไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดลอยไป
คุณควรจะบอกรักก่อนจากกันทุกครั้งเสมอ เพราะบางที..
นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะพบกัน!

แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน
ถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนหนึ่งจะรู้สึกระแวง กังวล และหวาดหวั่นข
ณะที่อีกคนรู้สึกอึดอัดใจ ที่สำคัญ..
คุณไม่อาจรักใครจริงๆ ได้ ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาคนนั้นอย่างแท้จริง

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

ต้นไม้แห่งรัก

นานมาแล้ว ในป่า มีต้นแอปเปิ้ลอยู่ต้นหนึ่ง เด็กชายคนหนึ่งที่ชอบวิ่งเล่นรอบ ๆ ต้นแอปเปิ้ล ทุกวัน
แต่เวลาผ่านไป เด็กชายคนนั้นโตขึ้นและไม่ได้มาเล่นที่ต้นแอปเปิ้ลทุกวันเหมือนก่อน.
วันหนึ่งเด็กชายคนนั้นกลับมาพร้อมท่าทางเหงาหงอย
"มาเล่นกันเถอะ" ต้นแอปเปิ้ลชวน
"ฉันไม่ใช่เด็กอีกแล้ว ฉันไม่อยากเล่นที่ต้นแอปเปิ้ลอีกแล้ว ฉันอยากเล่นของเล่นแต่ไม่มีเงินซื้อ" เด็กชายตอบ
"เสียใจด้วย ฉันก็ไม่มีเงิน แต่มีลูกแอปเปิ้ล เธอเก็บไปขายได้นะ จะได้มีเงิน" ต้นแอปเปิ้ลพูด
แล้วเด็กชายคนนั้นก็เก็บลูกแอปเปิ้ลจนหมดต้น แล้วจากไป ...
วันหนึ่งเด็กชายกลับมา
"มาเล่นกันเถอะ" ต้นแอปเปิ้ลชวน"ฉันไม่มีเวลาเล่นแล้ว ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัว ต้องสร้างบ้าน เธอช่วยฉันได้ไหม" เด็กชายตอบ
"เสียใจด้วย ฉันไม่มีบ้านให้เธอ แต่เธอตัดกิ่งของฉันไปทำบ้านของเธอได้นะ" ต้นแอปเปิ้ลตอบ
เด็กชายในอดีตยิ้มด้วยความดีใจ พร้อมกับตัดกิ่งต้นแอปเปิ้ลไปจนหมด แล้วจากไป ...

วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กชายคนนั้นกลับมาอีกครั้ง
"มาเล่นกันเถอะ" ต้นแอปเปิ้ลชวน
"ฉันแก่มากจนเล่นไม่ไหวแล้ว ฉันอยากแล่นเรือ เพื่อพักผ่อนในช่วงสุดท้ายของชีวิต มีเรือให้ฉันยืมไหม"
"ใช้ลำต้นของฉันไปสร้างเรือสิ เธอจะได้มีเรือตามที่ต้องการ"
เด็กชายจึงตัดลำต้นไปสร้างเรือ และแล่นเรือออกไป โดยไม่ได้กลับมาอีกนาน...

สุดท้ายหลายปีผ่านมา เด็กชายก็กลับมา
"ฉันเสียใจด้วย ฉันไม่มีอะไรจะให้เธออีกแล้ว เหลือแต่รากที่กำลังจะตายของฉันเท่านั้นเอง" ต้นแอปเปิ้ลกล่าวด้วยเสียงร้องไห้
"ฉันไม่ต้องการอะไรมากหรอก นอกจากเอนกายพักผ่อน เพราะฉันเองก็เหนื่อยล้ามาหลายปีแล้ว" เด็กชายตอบ
"ดีเลย รากไม้ นี่แหละ คือที่ ๆ ดีที่สุดที่เธอจะเอนกายนอนลงมา จงพักผ่อนเถิด" เด็กชายก็นั่งลง และต้นแอปเปิ้ลดีใจมาก พร้อมยิ้มทั้งน้ำตา

เรื่องก็จบลงเพียงเท่านี้ สำหรับท่านที่อ่านมาถึงนี้แล้ว ลองนึกดูว่าต้นแอปเปิ้ล คืออะไร????
ต้นแอปเปิ้ลคือ พ่อแม่ของเรา ตอนแรกที่เรายังเด็ก อยากเล่นกับพ่อแม่ แต่พอโตขึ้น ก็จากท่านไป จะกลับไปก็ต่อเมื่อ เรามีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของเราก็ยังอยู่ที่นั่นเสมอ คอยให้กำลังใจ เอาใจใส่ และให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากมี อยากได้ อยากเป็น ให้อภัยในความผิดถึงแม้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เรามีความสุข...

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก โพสต์สไมล์

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

เคยรู้สึกอย่างไร

พรุ่งนี้
หัวใจเก่าต้องเดินทาง
แม้ต้องจำใจอ้างว้าง
แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ
และอย่างน้อยเธอจะได้รู้ว่า
มีบางเวลาที่ฉันขีดเขียนถ้อยคำ
เก็บไว้ในใจให้ตอกย้ำ
ให้จำว่าเคยรู้สึกอย่างไรต่อเธอ

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

ดอกไม้ในซอกหิน

เป็นเรื่องที่งดงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อต้นไม้ต้นเล็กๆ ผลิดอกสีขาวแย้มบานอยู่บนลานหิน
ในความอ่อนหวานแต่ดูเจียมตัวนั้น
พร้อมที่จะอวดดอกชูช่องดงามแปลกตา
ทั้งที่ต้นไม้ทุกต้นน่าจะงามได้ก็เพียงบนลานดินที่ชุ่มชื้นเท่านั้น
แล้วจะมาเติบโตบนลานหินได้อย่างไร

ถ้าเรามองดีๆ แล้วในลานหินที่มีก้อนหินเรียงรายกันอยู่นั้น
จะมีซอกเล็กๆ ตามรอยต่อซอกหิน
ที่มีดินชื้นอยู่เล็กน้อยมองเห็นเป็นเส้นบางๆ
แต่บางครั้ง..ก็มากพอสำหรับการเจริญเติบโตของต้นไม้เล็กๆ บางต้น
ที่ไม่ต้องการพื้นที่มากมาย
แต่ขอเพียงมีที่ได้เสียดยอดและผลิดอกออกใบก็พอแล้ว

ชีวิตของเราก็เป็นเช่นนั้น
หลายครั้งที่เราจะทำอะไรบางอย่าง
ในขณะที่เราไม่มีความสมบูรณ์พร้อมเท่าคนอื่น
จะหยิบจับอะไรก็ไม่มีความพร้อม
จะหันหาอะไรก็มีแต่ความขาดแคลน
ทำให้งานแต่ละงานเหมือนมีอุปสรรคมากมาย
จนทำให้ท้อถอย และหมดกำลังใจ
รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเวที ไม่มีโอกาส
จนดูเหมือนว่าปัญหาและอุปสรรคถาโถมเข้ามาพร้อมๆ กัน

แล้วเราจะอยู่ได้ไหม จะอยู่ได้อย่างไรในที่อย่างนั้น
หากที่ตรงนั้น เป็นอย่างนั้นจริงๆ เราจะยอมอยู่ตรงนั้นจริงๆ หรือ
ที่ๆ เหมือนมีก้อนหินกดทับไว้คลอดเวลา
คงไม่มีแม้แต่ที่ให้หายใจ
ทุกๆ วันคงทำได้เพียงแค่นั่งมองให้ความฝันของตัวเอง
ค่อยๆ แตกดับลงไปเรื่อยๆ
พร้อมกับกำลังใจที่ค่อยๆ เหือดหายไปจากชีวิต

มีเวลาไหม
ลองคิดดูให้ละเอียดอีกครั้ง
ถามตัวเองอีกครั้งว่าอะไรที่ทำให้เราอึดอัด
อะไรที่ทำให้เราเหมือนถูกกดทับตลอดเวลาจนทำอะไรไม่ได้
เพราะว่าเราต้องการพื้นที่กว้างเพื่อเติบโตใช่ไหม
เราต้องการความสมบูรณ์พร้อมอย่างเดียวใช่หรือเปล่า

เราไม่ได้คิดเลยใช่ไหมว่า..ไม่มีใครที่เกิดมากับความสมบูรณ์พร้อม
หรือว่าเพราะความคิดแค่นั้น..ที่ทำให้เราเติบโตไม่ได้
กลายมาเป็นข้ออ้างว่า..ทำอะไรไม่ได้

ลองมองดูสิ่งรอบตัวในแง่มุมอื่นดูบ้าง
มองชีวิตในแง่ของการเติบโตตามธรรมชาติ
ธรรมชาติที่เริ่มต้นจากสิ่งเล็กน้อยไปสู่ความเติบใหญ่
เริ่มต้นจากความไม่มีไปสู่สิ่งที่มี
เริ่มจากงานที่เล็กไปสู่งานที่ยิ่งใหญ่
และ...
ต้นไม้มากมายหลายต้น..ที่เริ่มหยัดยืนให้ได้ในที่เล็กๆ
เพื่อวันหนึ่งจะขยายกิ่งก้านออกไป

ละเอียดลออกับการใช้ชีวิตอีกสักนิด
สิ่งที่เราคิดว่าไม่ได้ก็อาจจะได้
สิ่งที่เราไม่คิดว่ามีอาจจะยังมีอยู่
เราอาจจะเห็นซอกหินเล็กๆ ที่พอให้เราโผล่พ้นขึ้นมาได้
ที่ตรงนั้นมีอยู่จริง
แม้ว่าก้อนหินจะเรียงตัวกันจนดูเหมือนทับกันอยู่
ขอเพียงเรารู้วิธีการขยับหินบางก้อนให้มันเคลื่อนไหวไปมาสักนิด
ให้ก้อนหินเปลี่ยนรูป เปลี่ยนทิศทางการวางอยู่
เราอาจจะเห็นช่องว่างช่องเล็กๆ ที่กำลังรอคอยเรา
ให้เราค่อยๆ เบียดออกมาจนถึงรอยต่อของก้อนหิน
ที่มีเส้นดินรอยเล็กๆ
แต่สามารถทำให้ต้นกล้าเสียดยอดขึ้นมารับแสงตะวันได้
รอยต่อของความขาดแคลนที่มีอยู่อาจจะเป็นเรี่ยวแรงพลังที่ยิ่งใหญ่
ให้เรามีกำลังต่อสู้กับอุปสรรคได้เช่นกัน

ต้นไม้ที่ถูกกดทับไว้ใต้ก้อนหิน
ยังพยายามสู้อดทน จนเบียดขึ้นมาชูช่อได้
ชีวิตแค่มีอุปสรรคบ้างนิดเดียว
ไม่ได้ถูกกดทับด้วยปัญหามากมายขนาดนั้น
ทำไมจะข้ามผ่านอุปสรรคนั้นไม่ได้

ต้นไม้...ไม่อาจเติบโตได้ใต้ก้อนหิน
ดอกไม้จะสวยงามได้ต้องหาพื้นที่ในการผลิดอกให้ได้
คนจะยิ่งใหญ่ต้องเติบโตได้ ด้วยการเอาชนะอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tamdee.net

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

ชีวิตคือการต่อสู้

ชีวิตคือการต่อสู้นะคนดี
ถึงแม้บางทีจะล้มลงบ้าง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องละวาง
ขอให้เธอก้าวย่างสู่ทางฝัน
ถึงบางครั้งจะเหน็ดเหนื่อยท้อแท้
ก็อย่าอ่อนแอ เพราะเธอยังคงมีฉัน
เราสองคนจะคอยเป็นกำลังใจให้กันและกัน
ในวันที่ใจเรานั้นอ่อนแอ

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

สะพานชีวิต

สะพานชีวิตที่ทอดยาว เส้นทางสีขาวที่ก้าวเดินในแต่ละก้าว
ถูกแต่งแต้มให้เป็นสีต่างๆกันไป
บางก้าวเป็นสีที่สดใส บางก้าวเป็นสีเท่าหม่น
สลับสับเปลี่ยนกันไป ทำให้สะพานดูมีสีสัน
ในขณะที่ฉันเดินมาถึงกลางสะพาน
อีกหลายๆคนเดินอยู่ข้างหลังฉัน
และก็ใครอีกหลายๆคนที่เดินนำหน้าฉัน
นั่นคือเส้นทางที่ทุกคน
จะต้องเดินไปตามบาทวิถี
หนทางสิ้นสุดอยู่ที่ใดทุกคนรู้
อยู่ที่ว่าเราจะก้าวเดินไปอย่างระมัดระวัง
หรือปล่อยจิตใจให้ล่องลอยโดยที่ไม่รู้ว่า
ฉันย่างก้าวถึงไหนแล้ว
ตอนนี้ฉันกำลังล่องลอยอยู่กลางสะพาน
ฉันรู้สึกเคว้ง บางอารมณ์ฉันอยากเดินกลับไป
แต่ในแต่ละก้าวที่ฉันเดินผ่านมา
มันได้ถูกแต่งแต้มสีสันไปแล้ว
แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น
ในทุกย่างก้าวต่อไป ฉันเตือนตัวเองว่า
จะต้องแต้มสีสันในก้าวต่อไปให้สดใส
ดียิ่งกว่าเดิมจนกว่าหนทางจะสิ้นสุดลง
ตามทางข้างหน้ามันยังคงเป็นสีขาว
ที่รอสีสันมาแต่งแต้ม
ฉันยังคงก้าวเดินต่อไป ต่อไป
บนเส้นทางสะพานชีวิต....

บันดาลใจจาก เรื่องสั้นสะพานชีวิต

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

ท่วงทำนอง...ของน้ำตา

ร้องไห้ออกมาเลย
หากยังไม่เคยเสียใจ
จะไปแคร์สายตาใคร
ในเมื่อเราพอใจจะทำ
ร้องไห้ออกมาเลย
หากว่าไม่เคยเจ็บช้ำ
เมื่อร้องแล้วก็จดจำ
ท่วงทำนอง...ของน้ำตา

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

ถนนสายเก่า

ถนนสายเก่าเก่า
ไม่มีเราทั้งสอง
ฉันทำได้แค่นั่งมอง
เธอเดินจากฉันไป
เมื่อเธอเดินลับลา
น้ำตาก็รินไหล
ไปเถอะถ้าอยากไป
ฉันคงร้องไห้อีกไม่นาน

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

ไม่มีอะไรน่าจดจำ

ถ้อยคำบางคำ
การกระทำบางอย่าง
ของใครบางคน
อาจทำให้เรารู้สึกว่า...
ความจริงใจที่เรามีให้
ไม่เคยมีความหมาย
และไม่เคยได้มันตอบกลับมา
บทเรียนเหล่านั้น...
มันทำให้เราได้รู้ว่า
คนคนนั้น...
ไม่ควรที่จะอยู่ในสายตา
ถ้อยคำอย่างนั้น...
มันไม่มีคุณค่า
การกระทำอย่างนั้น...
มันก็แค่...
สิ่งเลวร้ายที่เคยผ่านมา
ไม่มีอะไรน่าจดจำ

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

บอกกันหน่อยได้ไหม?

อยากจะฟังเหตุผล
ที่เธอทำกับคนๆนี้
ไม่เคยใส่ใจ...ใยดี
ทิ้งกันไปง่ายๆอย่างนี้เพราะอะไร

บอกกันหน่อยได้ไหม?
เพื่อคลี่คลาย ข้อสงสัย
แค่เพียงอยากรู้ว่าทำไม
เธอถึงทิ้งกันไปได้ คนเคยรักกัน

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

สัญญา

แม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปแค่ไหน
อยากให้เธอรู้ไว้เสมอ
แม้เราจะ...ไม่ได้มาพบเจอ
รู้ไว้นะ...เธอฉันคอย...ห่วงใย

รักเธอมากรู้ไว้ซะบ้าง
แม้ไกลห่างรักยังติดตามไปอยู่ใกล้
วันเวลาจะผ่านไปแค่ไหน
สัญญานะว่ารักในใจไม่เปลี่ยนแปลง

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันนี้...และวันหน้า

เพียงสายลมพัดผ่าน
หัวใจที่เคยร้าวรานก็สดใส
ฉันไม่เคยคิดมากอะไร
ผ่านมาก็ผ่านไปธรรมดา
จะใส่ใจใครทำไม
ห่วงใยตัวเองดีกว่า
ในโลกนี้ยังมีอะไรที่มีค่า
ยังมีวันนี้...และวันหน้า
ที่มีค่า...ยิ่งกว่าเธอ

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

น้อยใจ...

ความรักของฉัน
...ที่มีต่อเธอ
ไม่เคยลดน้อย...ถอยลง
หัวใจของฉัน...มั่นคง
ซื่อตรง...มอบรักให้เธอ
...แต่ตลอดมา
การกระทำของเธอ
บั่นทอน...ใจรักของฉัน
...ทุกวัน-ทุกคืน
น้ำตาหลั่งไหลเพราะ......
น้อยใจ......
เพราะเธอมี...คนอื่น
...ทุกหยดคือรัก
...ทุกหยดคือห่วงใย
...ทุกหยดคือผูกพัน
อย่ากลัว...ความรู้สึกของฉันจะเปลี่ยนไป
เพราะในใจ...มีน้ำตา...อีกมากมาย
และ ความรัก ห่วงใย ผูกพัน
ก็ยังฝังอยู่ในนั้น...อีกเหลือเฟือ!!

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระหว่างทาง...ของการเดินทางถอยกลับ

เคยไหม...ที่คุณก้าวเดินไปข้างหน้า
แต่รู้สึกว่ามันเป็นการถอยหลังกลับ

เคยไหม...ที่ท้องฟ้าในโลกส่วนตัวของคุณ
กลับเปลี่ยนจากสีฟ้ามาเป็นเมฆครึ้มสีเทาหม่น
โดยไม่มีเค้าลางแห่งพายุร้าย

ทุกอย่างพัดพาคุณกลับไปสู่จุดเริ่มต้น
หรือไกลกว่านั้น...เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นหยดน้ำตา
เปลี่ยนเสียงหัวเราะเป็นเสียงสะอื้นไห้
ความทุกข์เข้ามาทดแทน
วันเวลาแห่งความสุขของคุณจนหมดสิ้น

ความคาดหวังคือปัจจัยหลักของความทุกข์
ความฝันบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดทุกข์
ชีวิตคนเรามีปัญหา เพิ่มมากขึ้นตามวันเวลาที่หมุนไป

ทุกๆ วันเหมือนกับต้องตื่นขึ้นมา
เพื่อเดินเข้าไปในสมรภูมิรบ ฟาดฟันกับปัญหา
หากคุณชนะคุณก็จะเดินจากมา พร้อมความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง
หากคุณแพ้คุณก็อาจล้มจมอยู่กับที่

แล้วจะมีใครสักกี่คนบนโลกใบนี้
ที่จะคอยยื่นมือให้ความช่วยเหลือเมื่อเราเจ็บปวด
เอาเข้าจริงในโลกใบนี้...เราจะมีใคร?
ใครที่เป็นของเราจริงๆ เกิดมาเพื่อเราจริงๆ

บทเรียนของการเดินถอยหลัง
ทำให้รู้ว่าความคาดหวัง มักมาพร้อมกับความผิดหวังเสมอ
เราคาดหวังว่าจะมีใครมาร่วมแบ่งปันความรู้สึก
คอยประคับประคองอยู่เคียงข้าง...คอยรับเมื่อเราล้ม
แล้วตั้งความหวังว่าเขาจะยืนอยู่เคียงข้างเราไปจนวันตาย
มีลมหายใจของกันและกันอย่างอบอุ่น

แต่ในโลกของความเป็นจริงก็คือ...เราต้องยืนด้วยตัวเองให้ได้
หายใจด้วยตัวเองให้ได้...ลุกด้วยตัวเองให้ได้
อ้อมแขนและลมหายใจของคนอื่น
เป็นเพียงส่วนประกอบ ที่ทำให้เราเต็มพร้อมสมบูรณ์

เราจำเป็นต้องก้าวเดินต่อไปให้ได้ แม้ไม่มีส่วนประกอบนั้นก็ตาม
ฉันได้เรียนรู้ว่า...ความฝันจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
เพื่อลดความเจ็บปวดในชีวิต

เช่นเดียวกับความรัก
สิ่งที่เรามอบไปอย่างทุ่มเท...โดยไม่เคยคิดถึงความผิดหวังที่จะ ตามมา
มักทำให้เราเจ็บปวดจนสุดจะทน

ความรัก...เปลี่ยนแปลงได้
รอยเท้าของเราเหยียบย่ำไปท่ามกลางความสับสน
บางครั้งเข็มนาฬิกาก็เดินเร็วขึ้น...บางครั้งกลับเดินช้าลง
ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่วาดหวังไว้เสียที
เพราะเราควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้

ความคิดของเขา...อาจทำให้เราเจ็บปวดจนสุดจะทน
แต่เราก็ยังจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่...เพื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวด นั้น
ดังนั้นเมื่อมีน้ำตาและตัดสินใจว่าจะต้องเปลี่ยนแปลง อย่าหันกลับไปทางเดิม
เพราะเรากำลังจะเดินจากมันมา...อาจไม่ใช่เขาหรือเราเป็นคนไม่ดี

แต่ในบางเรื่อง...ก็อาจมีเหตุผลมากกว่าหนึ่งอย่าง
อย่าพูดว่าเราทำเพื่อเขา...แต่กลับเอาตัวของเราเป็นที่ตั้ง
เพราะนั่นไม่ใช่รักที่แท้จริง

ถ้าบนทางเดินที่ผ่านมาเราก้าวเร็วเกินไป
มองย้อนกลับไปดูตัวเองใหม่...แล้วหัดเดินให้ช้าลง

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

74 คำหวานๆ โดนๆ ซึ้งๆ

1.เธอไม่ต้องใช้กบเหลาดินสอหรอกนะ.............เพราะคำพูดและหน้าตาของเธอแหลมพอที่จะแทงใจฉันให้อ่อนได้

2.อยากมีพาวเวอร์พอยต์ ............จะได้พรีเซ้นความรักของฉันที่มีต่อเธอได้

3.ตายแล้ว!!! เธอรู้ไหม? เธอทำให้ขยะล้นโลกนะ...............เพราะหัวใจใช้แล้วของฉันที่เธอไม่ต้องการมันแล้วไม่สามารถรีไซเคิลได้

4.เธอไม่ต้องแปลกใจหรอกนะที่หาชื่อตัวเองในพจนานุกรมไม่เจอ...........เพราะมันอยู่ในใจฉัน

5.ว่ากันว่าถอดสแควรูดน่ะมันถอดยากนะ........แต่ฉันว่าถอดเธอออกจากใจฉันมันยากยิ่งกว่าเสียอีก

6.เฮ้อ...เรามีแต่พาสเวิร์ดเข้าสู่อินเตอร์เน็ต......แต่ไม่มีเมซเซสเข้าสู่หัวใจเธอเลย

7.พรมแดนที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะพรมแดนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติก็ไม่มีพรมแดนไหนมาคั่นหัวใจเราสองให้ห่างไกลกันได้หรอก

8.ยังตัดสินใจไม่ได้ใช่ไหม เอางี้ โยนหัวก้อยกัน ถ้าออกหัว เธอมาเป็นแฟนฉัน ถ้าออกก้อย ฉันจะยอมเป็นแฟนเธอ

9.อยากเอาชีวิตฉันหรอ?.......ยิงเลยสิ....ยิงมาที่กลางหัวใจเลย...แต่เธอจะเจ็บหน่อยนะ เพราะในนั้นน่ะ...............มีเธออยู่

10.ขอยืมลายมือสวยๆหน่อยได้ไหม....จะเอาจดทะเบียนสมรส

11.เอามีดมาแทงเลยสิ แทงตรงหัวใจเลยนะ ฉันไม่เจ็บหรอก แต่เธอน่ะแหละที่จะเจ็บ.............เพราะเธออยู่ในใจเธอไง

12.ใช่สิ ฉันมันคนไร้หัวใจ...ก็เธอเอาหัวใจฉันไปหมดแล้วนี่

13.ถ้าฉันมีปืน 2 อัน ฉันจะแบ่งให้เธอหนึ่งอัน.........เราจะได้มี GUN และ GUN ไง

14. ถ้าเธอเป็นโคลน ฉันจะเป็นค ว า ย............จะได้จมปลักรักเธอตลอดไป...

15.เดินดีๆ นะน้อง.......ระวังจะสะดุดรักพี่ล่ะ

16.ฉัน : นี่ๆรู้ไหม เวลาเห็นหน้าคุณทีไร มักจะเป็นโรคชักทุกทีเลยอ้ะ?
เธอ : ?? โรคชักไรเหรอคะ?
ฉัน : โรคชักจะใจอ่อน

17. ฉันน่ะไม่ติงต๊องหรอก แต่ ThinkinG OF YoU

18. ฉัน : เมื่อวานนะเสียเวลาตั้งนาน
เธอ : ทำไมเหรอ?
ฉัน : หลงทางในหัวใจเธอ

19. ขอปรึกษาปัญหาหากฎหมายหน่อยได้ไหม........ข้อหาลักลอบแอบชอบผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมายมาตราไหนครับ?

20. อยากเป็นแก้วน้ำ....เธอจะได้รินใจใส่ไว้

21.ถึงแม้อับบลาฮัมลินคอล์นจะเลิกทาสไปแล้ว........แต่ทำไมหัวใจฉันยังตกเป็นทาสของเธออยู่เลย

22.ท่าทางเธอจะมีโชคนะ ฉันเป็นหมอดู.... ดูดวงจากหมายเลขโทรศัพท์..............ไหนบอกเบอร์มาสิ..ฉันจะทายให้ ((ขอเบอร์แบบเสี่ยวๆ))

23.ผมจะต้องไปรับลอตเตอรี่มาขายล่ะครับ............เพราะความรักของคุณ..มันทำให้ผมตาบอดซะแล้ว

24.นี่เรารักเธอ...เธอโกรธเปล่า?
กรณี1ไม่โกรธ งั้นเป็นแฟนกัน
กรณี2 โกรธ งั้นก็รักเราคืนซะสิ

25." นี่ๆ ขอคำดิ!!!! " " คำว่า "รัก" น่ะ " ((เอาไว้เล่นตอนกินข้าว))

26.ฉัน : เปิดบัญชีรึยัง?
เธอ : เปิดแล้ว
ฉัน : เหรอ..งั้นจะได้เอาใจไปฝาก

27.ฉัน : เธอมีญาติเป็นสไปเดอร์แมนรึป่าว?
เธอ : ไม่มี...
ฉัน : มิน่าไม่มีเยื่อใยให้บ้างเลย

28.จะเรอให้คุณฟัง.....เรอทัก--รักเทอ

29.เวลา คุยโทรศัพท์กัน
เรา:ตัวเองถือหูโทรศัพท์ข้างไหนอยู่อ่ะ
เค้า: ข้างซ้าย/ข้างขวา
เรา:เค้ารักตัวเองนะ ตัวเองเปลี่ยนข้างถือได้ป่ะ? (เปี่ยนข้างแล้ว)
เรา:ตัวเองถือหูโทรศัพท์ข้างไหนอ่ะ?
เค้า:ข้างซ้าย/ข้างขวา
เรา:เค้าเกลียดตัวเองแล้วอ่ะ
เค้า:ทำไมอ่ะ? เรา:ก้อเค้ารักตัวเองข้างเดียวอ่ะ

30.เวลานั่งอยู่
เรา:ตัวเองๆ..เปลี่ยนที่นั่งได้ป่ะ?
เค้า:อ้าว...แล้วให้เราไปนั่งไหนอ่ะ?
เรา:มานั่งในใจเราไง...

31.เรา :เธอๆผมเรายาวยังอ่ะ?
1.เค้า:ยังไม่ยาวเลยอ่ะ...
เรา:ยังยาวไม่พอจะมัดใจเธอเลยเหรอ
2.เค้า:ก้อยาวแล้วนิ
เรา:ยาวพอจะมัดใจเทอได้ยังอ่ะ?

32.เวลาคุยโทรศัพท์กัน
เค้า:อยู่ที่ไหนอ่ะ?
เรา:อยู่ในใจเธอ
เค้า:ทำอะไรอยู่อ่ะ?
เรา:ทำใจไม่ให้รักเธอ

33.ฉัน : นี่เธอที่บ้านไม่มีเก้า้อี้ให้นั่งเหรอ?
เธอ : ทำไมคะ ???
ฉัน : ก็เธอชอบมานั่งในใจเรา

34.อยากเป็นกาแฟกระป๋อง..............จะได้เป็นหนี่งในใจคุณ

35.ถ้าฉันมีรองเท้าจะแบ่งให้เธอข้างหนึ่ง............เราจะได้อยู่คู่กันตลอดไปไง

36.ฉัน : แถวนั้นอันตรายครับระวังลื่นนะครับ...
เธอ : ทำไมหล่ะคะ?
ฉัน : ก้อหัวใจผม...ละลายอยู่แถวๆนั้นอ่ะครับ

37.โอ๊ย!!...อย่ากำแรง.............ยังไงเราก็ยอมเป็นลูกไก่ให้เธออยู่แล้วน่า

38.ช่วงนี้กำลังเบลอๆนะ...........เบลอว่ารักแถบ--แบบว่ารักเทอ

39. เรา : ที่บ้านมีน้ำมันมั้ยอ้ะ?
เค้า : มีอ้ะ...ทำไม?
เรา :จะได้เอามาทอดสะพานรักของเรา

40.เธอ : อากาศเย็นออกทำไมไม่ใส่เสื้อ ไม่หนาวเหรอไง?
เรา : ไม่หนาวหรอก...เพราะอยู่ใกล้เธอแล้วอุ่นใจ ((ไว้เล่นตอนหน้าหนาว))

41. เรา : ตัวเองแถวบ้านมีถ่านขายป่ะ?
เธอ : มีดิ
เรา : ฝากซื้อหน่อยได้ป่ะ?
เธอ : จาเอาไปทำอะไรอ่ะ?
เรา : เอามาเติมรักให้เต็ม

42.ฉัน: นี่เธอๆช่วยหันหน้ามาให้ฉันเห็นทั้ง 2 ข้างหน่อยซิ
เธอ : ทำไมล่ะ?
ฉัน : ก้อฉันไม่อยากหลงรักเธอข้างเดียวไง

43.ฉัน : โอ้ย..อยากเป็นเส้นเลือดใหญ่จังเลยอะ...
เธอ : ทำไมล่ะ?
ฉัน : ก็จะได้ใกล้หัวใจเธอไงละจ๊ะ

44.พบเธอทีไรก็เจอทุกทีเลย..............เจอละไม---ใจละเมอ

45.เรา:เธอๆมีเหรียญบาทป่ะ?
เค้า:เอาไปทำไมหรอ?
เรา:เอาไปโทรบอกแม่ว่าเราเจอเนื้อคู่แล้ว

46.เรา : เดี๋ยวพี่ซื้อนาฬิกาให้เอามั้ย?
เค้า: จะให้หนูใส่ไปทำไมคะ? ตั้ง2เรือน..?
เรา: ก็เราจะได้ไม่ลืมวันเวลาที่เราอยู่ด้วยกันไงล่ะจ๊ะ...

47.เดินๆอยู่
เรา : อ๊ะ ผึ้ง !!! ( พลางชี้นิ้วไปข้างหัวใจเค้า)
เธอ : ???
เรา : เพิ่งจะรู้ว่ารัก

48.เรา: เห็นคุณเเล้วอยากจะซื้อบริษัทการบินไทยให้จังเลย
เค้า : ทำไมอ่ะ?
เรา : ก้อมัน"รักคุณเท่าฟ้า"อ่ะ

49.ฉันเป็นโรคไตระยะสุดท้าย...........ไตหาหัวจาม--ตามหาหัวใจ

50.พระเยซูรักทุกคน................แต่ฉันไม่ใช่พระเยซูฉันจึงรักเธอคนเดียว

51.ใช่ฉันมันคนหลายใจ..................แต่รู้ไหมทุกใจมีแต่เธอคนเดียว

52.โอ๊ย!!เจ็บคออ่ะ....................ก็ความรักมันค้ำคอ

53.โอ๊ย!!เราเดินตกหลุมอ่ะ...........ตกหลุมรัก

54. เธอน่าขึงจังเลย..........ขึงทิด--คิดถึง

55.เค้า :นี่ๆ...เดี๋ยวคาบต่อไปเรียนชั้นไหนหรอ??
เรา : ชั้นรักเธอหล่ะ ((ใช้ตอนอยุ่ห้องเดียวกันระหว่างเปลี่ยนคาบ))

56.เรา : หน้าอย่างคุณน่าจะเป็นเด็กช่างนะ
เค้า : ???
เรา : ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้

57.เรา : เธอมีเข็มกะด้ายไหม?
เค้า : เอาไปทำอะไรหรอ?
เรา : เอามาเย็บใจน่ะสิ เห็นหน้าเธอ แล้วใจจะขาด

58.เรา : ของเราหายอ่ะ ไม่รู้ว่าลืมไว้ที่เธอป่าว?
เค้า : ลืมไรไว้อ่ะ? เดี๋ยวช่วยหา...
เรา : หัวใจเราไง

59.เรา : ดูท้องฟ้าสิเล็กจัง...
เค้า : ทำไมหรอ?
เรา : เขียนคำว่า รักเธอ ยังไม่พอเลยอ่ะ

60.เรา : ทำยังไงดีเราลืม?
เค้า : ลืมอะไรหรอ?
เรา : เราลืมเธอไม่ได้

61.เรา : หิวจัง
เธอ : ก็ไปหาอะไรกินสิ
เรา : กะว่าจะสั่ง....
เธอ : ??
เรา : สั่งพิซซ่า หน้าความรัก สลัดผัก ความคิดถึง เฟรนชฟราย ความคำนึง คิดถึง&ห่วงใย

62.เรา : นี่รู้ป่ะ? เธอเป็นคนโลภมาก
เค้า : เอ้า...เราโลภตรงไหน? เราทำไรผิดเนี๊ยะ?
เรา : ก็เธอเล่นเอาหัวใจเราไปทั้ง 4 ห้องเลย

63. เรา : นี่ๆช่วยอะไรหน่อยได้มะ?
เค้า : อ่า...ทำไรคะ?
เรา : ช่วยเดินไปตรงกระจกแล้วบอกคนนั้นว่าเราคิดถึง

64. เรา : เหนื่อยมั้ยที่มาเดินเล่นในใจผม?
เค้า : แหวะ...น้ำเน่า
เรา : ถึงน้ำเน่าแต่ยังเห็นเงาจันทร์นะ...
เค้า : โอ..เสี่ยวมาก
เรา : เสี่ยวนักเพราะรักเธอ
เค้า : นี่เธอเบลอป่าวเนี่ย?
เรา : เบลอว่ารักแถบ-แบบว่ารักเธอ
เค้า : กรรม กรรม กรรม กรรม ((รวมมิตร))

65.เรา: รู้เปล่าว่าเที่ยวทะเลตอนไหนสวยที่สุด?
เค้า : ตอนไหน
เรา:ก็ตอนที่มีเธออยู่ด้วยไง

66.เรา : นี่ๆหันไปทางซ้ายหน่อยสิ
เค้า : ทำไมอะ?
เรา :น่า...หันหน่อยสิ
เค้า: อะ...แค่นี้พอยัง
เรา : อืมใช้ได้ๆ
เค้า :ให้หันทำไมอะ?
เรา : อยากให้ใจมันตรงกันหน่อยอะ

67. เรา : นี่ๆๆ..เราว่าเธอโดนแล้วนะ
เค้า : โดนไร
เรา : ก้อโดนเรารักแล้วไง

68.เรา : ทำไมวันนี้เรามองเธอเราเจ็บตาจัง
เค้า : อ้าว...ทำไมเธอมองเราแล้วเจ็บตาล่ะ
เรา : ก็เธอสวยเตะตางัย

69.เรา: เธอๆๆ
เธอ: มีไรเหรอ?
เรา: เก็บปากกาให้หน่อยดิ
เธอ: นี่จ๊ะ.....
เรา:แล้วอย่าลืมเก็บหัวใจเราที่ตกอยู่ข้างๆปากกาด้วยนะ

70.ถ้า คุณต้องออกไปนอกโลก คุณจะเอาของสิ่งใดติดตัวคุณไป?~
1. รองเท้า / ไปวิ่งในหัวใจเธอ
2. กล่อง / ไว้เก็บใจของเธอ
3. เชือก / ไต่ขึ้นมาจากหลุมอวกาศที่เธอขุดไว้
4. พลาสเตอร์ / แปะแผลใจ
5. หมอน / ฝันถึงเธอ

71.เรา: เฮ่ย !! อย่า!......
เค้า : อย่าอะไร?
เรา:อย่าทำให้ฉัน ...รักเทอ

72.เรา: เอ่อ...โทษที
เค้า : มีอะไรเหรอ?
เรา : ช่วยยกขาหน่อยได้ไหม?
เค้า : ทำไม?
เรา : ก็เทอเหยียบหัวใจเราอยู่น่ะ

73. เรา : เธอตอนนี้อากาศเป็นไงมั่งอ่ะ?
เค้า : ร้อนอ่ะ
เรา : งั้นสงสัยเราให้ความอบอุ่นเธอมากเกินไป

74. เรา : เธอเป็นโรคหัวใจรั่วรึป่าว?
เค้า : ทำไมหรอ?
เรา : ก็เราใช้ความรักเติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มสักที

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เข้มแข็งเอาไว้

นั่งรอเธอเสียนาน
ตั้งแต่วันวานจนถึงวันนี้
ถึงเวลาที่ต้องไปเสียที
ไปในที่ ที่หวังและตั้งใจ
เสียเวลากับเธอมานาน
แค่สัญญาผ่านๆ ฉันไม่อยากได้
เข้มแข็งเอาไว้นะหัวใจ
เดินไปร้องไห้ไปหัวใจคงชินเอง.

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สำหรับคนมีความรัก

สำหรับคนมีความรัก
ทุกความรู้สึกล้วนเป็นความรัก
เห็นอะไรก็คิดถึงคนรัก..
หายใจเข้าเป็นความรัก หายใจออกเป็นความคิดถึง
ทุกลมหายใจอุ่นอวลด้วยกลิ่นไอความอาวรณ์ ห่วงหา
สารพันความรู้สึก หลากหลายอารมณ์
แต่ทั้งหมดก็มาจากความรู้สึกเดียว
ที่เรียกว่า "ความรัก"

ความรักที่ดลบันดาลให้ใครคนหนึ่ง
สามารถทำอะไรได้มากมาย
เขียนหนังสือได้เป็นเล่มๆ เพื่อจะบอกใครเพียงคนเดียว
ว่าความรักไม่เคยจางหายไปไหน
ความรักยังอยู่..และความรักที่งดงามนั้นก็ไม่เคยตาย..
ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านเนิ่นนานแค่ไหน
ไม่ว่าความรักจะเดินทางถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่
ใครคนหนึ่งก็ยังคงมีรักเดียว
และทุกวินาทีก็ยังคิดถึงแต่คนรัก..

เพราะคนเรามีชีวิตอยู่ได้ด้วย
ความรัก ความหวัง และความฝัน
ถ้าเมื่อไหร่ไม่มีสามอย่างนี้ชีวิตนั้นก็เหมือนตายไปแล้ว..

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ความรัก . . . คืออะไร?

เรื่องที่ทุกคน . . . อยากจะได้คำตอบตายตัว
เพียงแต่ว่า . . . ไม่เคยมีใครหาคำตอบที่ชัดเจนได้เลยสักคน
เพราะ . . . ความรักมีหลายรูปแบบ
ที่ของแต่ละคน . . . ก็ไม่เหมือนกัน

ความที่เจ็บปวด คือ ความรักที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
เมื่อเรารักใครสักคนแล้ว . . .
ย่อมอยากจะเป็นเจ้าของความรัก กันทุกคน

แต่จะมีสักกี่คน . . . ที่จะได้ครอบครองมันไว้ได้
เพราะความรัก . . . เหมือนกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ
ไม่มีอะไรแน่นอน . . . เอาอะไรจากมันไม่ได้เลย

แต่สิ่งที่มันให้เรา คือ ความเจ็บปวดปนความหวาน
ยิ่งคุณอยากจะลิ้มลอง . . . ความหอมหวานของมันเท่าไหร่
คุณก็จะยิ่งถลำลึก ไปกับความเจ็บปวดนั่น
. . . จนอาจจะยากที่จะถอนตัวออกมาได้

บางครั้ง. . . ความหวานก็หมดไป
. . . ก่อนที่จะลึกมากนัก แต่ก็เจ็บมากมายเช่นกัน
แต่. . . ก็ยังมีอีกหลายคน ที่พร้อมจะลองดู
บางคน. . . แสวงหาความรักมากมาย
ใช้หัวใจฟุ่มเฟือย เพื่อตามหารักแท้. . .

รักแท้. . . แต่ยากที่จะครอบครอง
เพราะบางครั้ง. . . อาจจะเป็นรักต้องห้าม
ระหว่างพี่น้อง ระหว่างคำว่า. . . เพื่อนสนิท
ระหว่างคำว่า. . . คนที่มีเจ้าของแล้ว
หรือ ระหว่างคำว่า . . . ไม่เหมาะสม

มันยาก. . . ที่คุณจะดูแลมันตลอดเวลา
เมื่อไหร่ที่คุณรัก คุณอยากครอบครอง. . . แต่เป็นไปไม่ได้
ก็คิดเสียเถิดว่า . . . ยังดีกว่าไม่ได้รัก

ขอบคุณบทความจาก โพสต์สไมล์

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เพราะใจมีเพียง......หนึ่งเดียว

ฉันมีหัวใจไว้......
......ใส่ใจ
ฉันมีร่างกายไว้......
......ห่วงใย
ฉันมีสองแขน......
......อ่อนไหว
จะโอบกอดใคร......
ก็คงอุ่นไม่พอเพียง!!
ฉันมีสองตาไว้......
......ดูแล
มีปากไว้แค่......
......ส่งเสียง
บอก "รัก" แบบไม่ลำเอียง
เพราะใจมีเพียง......
......หนึ่งเดียว

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทิ้ง...

น้ำตา......แห้งไป
หัวใจ......รกร้าง
ความรู้สึก......เปล่าว่าง
เมื่อเธอ......จากไป
ไม่เห็น......บอกฉัน
จะกลับ......เมื่อไหร่
ทำไม......เปลี่ยนไป
ทิ้งใจ......ฉันไว้
......ลำพัง......

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ช่วงเวลาของความรัก

ช่วงที่ 1 : ความฝัน ตอนเริ่มคบกัน
แรกๆ คุณรู้สึกหลงใหลในตัวเขา จนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอย่างอื่น คงเคยมีบ้างหรอก
ที่คุณเฝ้าแต่วาดรูปหัวใจมีศรปักอก แล้วสลักชื่อคุณกับเขาลงไป
เดินไปยิ้มไปคนเดียวด้วยความคิดถึงเขา เวลาคุยกับเพื่อน
ไม่พ้นเรื่องของเขาอีกนั่นแหละ จนเพื่อนๆ เบื่อหน่าย
ในช่วงที่คุณตกหลุมรักตอนแรกๆ ยากจะบอกได้ว่า
ความรักของคุณจะยืนยาวต่อไปหรือไม่ เพราะท่าทางพึงพอใจ
โดยเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก
โดยไม่คำนึงถึงความรักเท่าใดนัก
บางทีเขาอาจจะทำเรื่องที่เหลวไหลหรือแย่แค่ไหน
คุณก็มองไม่เห็น เพราะความหลงยังบังตาอยู่
แม้ความจริงเป็นสิ่งโหดร้าย
แต่เราต้องยอมรับ เมื่อคุณพบแต่เนิ่นๆ ว่า
เขาไม่ควรค่าแก่การที่คุณจะต้องเสียเวลากับเขา
ดังนั้นในตอนที่ความรักยังหวานชื่นอยู่นั้น
ต้องพยายามรักษาสมองให้ปลอดโปร่ง อย่ารักจนโงหัวไม่ขึ้น
คำถามง่ายๆ ที่คุณควรถามตัวเองเบื้องต้นก่อน เช่น
เขาอ่อนหวานไหม
อารมณ์รุนแรงหรือไม่ สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อคุณ
เป็นสิ่งที่คุณชอบหรือเปล่า
ถ้าคำตอบคือ ไม่แน่ใจ
ก็ต้องทบทวนแล้วว่าความสัมพันธ์ของคุณจะเกิดปัญหา
ในอนาคตหรือเปล่า แต่ช่วงการตกหลุมรักอย่างเป็นบ้าเป็นหลังนั้น
ไม่ใช่ช่วงที่ยืนยาวนัก
บางครั้งหากความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อเกินไป
เกิดร้าวรานได้ง่าย และหนุ่มสาวหลายคู่ทีเดียวที่เลิกรากันในช่วงนี้

ช่วงที่ 2 : เผชิญความจริง
ช่วงนี้เป็นระยะที่คล้ายกับคุณร่อนจากฟ้ามาสู่ดิน
ถ้าคุณบินยิ่งสูงโอกาสตกลงมายิ่งแรง ซึ่งต้องเตรียมไอน์สไตน์ หรือแฟรงเกนสไตน์
มิฉะนั้นโอกาสที่คุณจะลุ่มหลง รูปลักษณ์ภายนอกเขาสูงกว่ามันสมองเขาแน่
จากตรงจุดนี้ คุณจะเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น เช่น
เขาเล่าเรื่องตลกให้ฟังในขณะที่ข้าวยังเต็มปากอยู่
คุณเริ่มมองเห็นความไม่น่ารักเสียแล้ว คุณอาจพบเรื่องน่าเบื่อ
หรือไม่เข้าท่าหลายอย่างของเขา จุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ
ทำให้คุณเลิกรากับเขาได้
ทั้งที่ตอนแรกคุณประทับใจเขาไปหมด ทั้งรูปร่างหน้าตา
กิริยาท่าทาง การแต่งตัว
พอมาถึงช่วงนี้ ทำไปทำมา
หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มขัดหูขัดตามากขึ้น
ขณะที่เขา ก็มีอาการไม่ต่างไปจากคุณเท่าใดนัก
ดังนั้นในช่วงที่คุณลังเลว่าจะไปจากเขาหรือเปล่า
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ทดสอบคุณทั้งสองได้ดีที่สุด
ลองพิจารณาอย่างรอบคอบว่า
จุดบกพร่องของเขา จะนำไปสู่การแตกแยกในที่สุดไหม
หรือเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
ที่ไม่ตรงกับความสมบูรณ์แบบที่คุณจินตนาการหรือคาดหวังไว้
ถ้าคุณรักเขาจริงๆ
เรื่องดังกล่าวไม่น่าเป็นอุปสรรคมากเท่าใด
และจำเป็นต้องพิจารณาว่าข้อเสียเหล่านี้ จะทำให้ความรักของคุณ
ดำเนินต่อไปได้หรือไม่
ถ้าคุณตัดสินใจที่จะให้โอกาสทั้งสองฝ่ายควรพูดจาเปิดอกกัน
จะมีประโยชน์กว่า
หรือแม้กระทั่งการใช้อารมณ์ขันเข้าช่วยบางครั้ง
หากคิดว่าข้อเสียของเขามากจนกลบข้อดีเกือบหมด
โบกมือลาคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ช่วงที่ 3 : โลกของคนสองคน
เมื่อคุณโชคดีผ่านสองช่วงแรกมาได้ แสดงว่า
ความรักเขาสู่ภาวะที่มั่นคงแล้ว
กลายเป็นโลก ของคนจะนำมาใช้เรียกคุณกับเขาในตอนนี้ และคำว่า
"ฉันรักคุณ" ก็เหมาะกับช่วงนี้เช่นกัน
เขาจะเป็นคู่ครองตัวจริงของคุณ รักและห่วงใยกันเสมอ
มีความใกล้ชิดสนิทสนม
และให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันได้ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
คนที่คุณอยากจุมพิตเพียงคนเดียว
ระบายความในใจและปรึกษาหารือกันได้
เริ่มวางแผนจะก่อร่างสร้างครอบครัวในอนาคต
ไม่ว่าอุปสรรคใดมาขวางกั้น
ก็พร้อมต่อสู้และเป็นกำลังใจให้กัน
ทว่ามาถึงขั้นนี้ ยังไม่รับประกันว่า
คุณจะครองคู่กันเป็นนิรันดร์ได้
ในช่วงนี้คุณจึงต้องดูว่า เขามีความคิดเข้ากับคุณได้ไหม
รับผิดชอบมากเท่าไร
ยังรักที่จะใช้ชีวิตโสดร่วมกับเพื่อนๆ มากกว่าคุณหรือเปล่า
ถ้าคำตอบในคำถามดังกล่าวยังไม่แน่นอน แสดงว่า
ความสัมพันธ์ยังไม่แน่นแฟ้นพอจะลั่นระฆังวิวาห์ได้
บางครั้งความจริงก็เป็นเรื่องทรมาน แต่ถ้าหลบหนีมัน
คุณจะยิ่งเจ็บปวดทวีคูณ
ลางบอกเหตุบางย่าง เช่น การทะเลาะเบาะแว้ง
และสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด
แม้จะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณ ตื่นเต้นหรือหวือหวา
แต่ถ้ามีเงาของความรุนแรงแฝงอยู่ตลอด
จนร่องรอยของความปริร้าวที่เริ่มปรากฏการแยกจาก
ควรเป็นหนทางที่น่าพิจารณาด้วยเช่นกัน
เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงที่ 3 แสดงว่า
พื้นฐานความรักคุณเริ่มลงหลักปักฐาน
แต่อย่าเพิ่งวางใจ แม้ว่าคุณจะมีต้นทุนแน่นอนจำนวนหนึ่ง
แต่ถ้าคุณปล่อยไปตามสภาพโดยไม่รดน้ำพรวนดินต้นรัก
ความรักจะจืดจางได้เช่นกัน

แล้วความรักของคุณตอนนี้ล่ะ อยู่ช่วงไหน?

ขอบคุณบทความจาก โพสต์สไมล์

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เธอไม่มา

วันเวลา......ล่วงเลย

คนคุ้นเคย......ไม่กลับมา

คนที่ใจ......เคยใฝ่หา

คนที่ว่า......ต้องจากไกล

เนิ่นนาน......จนอ่อนล้า

คอยเวลา......จนหวั่นไหว

เพื่อยอมรับ......กับหัวใจ

ถึงยังไง......ก็ไม่มา

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ใหม่...สำหรับฉัน

ความรักเป็นเรื่องเก่า
ที่เราเคยได้รับรู้
ตอนที่มีเธออยู่
เดินเคียงคู่ข้างๆฉัน
ความรักเป็นเรื่องเก่า
ที่เราเคยเดินด้วยกัน
เคยใกล้อยู่ทุกวัน
แล้วเธอนั้นมาจากไป
ความรักเป็นเรื่องเก่า
เป็นเรื่องราวที่ผ่านไป
แต่คงลืมเธอไม่ได้
เพราะยังใหม่...สำหรับใจฉันเอง

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

จิ๊กซอว์ที่ไม่ได้อยู่ข้างกัน

บนโต๊ะตัวหนึ่ง มีจิ๊กซอว์กระจัดกระจายอยู่เต็มเกลื่อนกลาด
ยังไม่มีชิ้นไหนถูกปะติดปะต่อกัน

ที่มุมโต๊ะด้านหนึ่ง จิ๊กซอว์สองตัวนอนสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆกัน
ลวดลายของทั้งสองเป็นสีฟ้าอ่อนของท้องฟ้ายามเช้าเหมือนกัน
คล้ายๆว่าจะเป็นจิกซอว์ที่อยู่ข้างกันในรูปที่สมบูรณ์

จิ๊กซอว์ทั้งสองตัวจึงค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหากัน
เริ่มหมุนตัวช้าๆ พยายามหามุมที่จะประสานกับอีกฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ใช้ส่วนเว้าของเรา ไปสอดรับกับส่วนโค้งของเขา
หาส่วนเว้าแหว่งของเขา มารับส่วนป้านเทอะทะของเรา.....
ทั้งคู่พยายามอยู่อย่างนั้น......

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จิ๊กซอว์ทั้งสองพยายามอย่างมากที่จะต่อกันให้สนิท
มุมแล้วมุมเล่าที่ลองปรับ เหลี่ยมแล้วเหลี่ยมเล่าที่พยายามประสาน
ไม่มีครั้งไหนจะต่อกันได้อย่างสนิทไร้ช่องว่างส่วนเกินเลย

สุดท้าย จิ๊กซอว์ตัวที่ใหญ่กว่าจึงยอมแพ้ เคลื่อนตัวจากไป
จิ๊กซอว์ตัวเล็กกว่าร้องเรียกด้วยเสียงโศกเศร้า

"เธอจะไปไหน ฉันทำผิดอะไรเหรอ เธอถึงต้องจากฉันไป ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมเธอต้องยอมแพ้แบบนี้ด้วย เธอไม่สงสารฉันเลยหรือ ไม่เสียดายวันเวลาที่เราพยายามต่อประสานให้เป็นหนึ่งเดียวกันหรือ"

จิ๊กซอว์ตัวใหญ่หันกลับมาด้วยสีหน้าปวดร้าว เอ่ยเสียงเรียบ

"ทำไมเธอถึงคิดว่าเธอทำผิด การที่เราต่อกันเป็นชิ้นเดียวไม่ได้ มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่ใช่ความผิดของฉัน เพียงเพราะว่าเราไม่ได้เป็นจิกซอว์ที่ถูกออกแบบมาให้อยู่ข้างกัน ก็เท่านั้น และฉันก็กำลังยอมรับมันด้วยความเจ็บปวด....ฉันเสียใจที่ทำเธอบอบช้ำจากการที่เราพยายามดัดตัวเองให้ประสานกับอีกฝ่าย แต่ก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันก็บอบช้ำไม่ต่างกับเธอเลย เวลาและความพยายามของเรามันไม่สูญเปล่าไปหรอก เพราะอย่างน้อย มันก็ทำให้เรารู้ว่าส่วนโค้งของเรามันโค้งแค่ไหน ส่วนเว้าของเรามันลึกเท่าไหร่ และเราควรจะหาจิ๊กซอว์รูปร่างแบบไหนมาเติมเต็มช่องว่างที่เราขาดไป ร้องไห้อยู่ตรงนั้นเถิด และทิ้งความโศกเศร้าทั้งหมดไว้ตรงนั้น เมื่อเธอแข็งแรงดีแล้ว เธอจงตามหาจิ๊กซอว์ตัวที่ถูกสร้างมาอยู่ข้างๆเธออย่างแท้จริง ถึงวันนั้นเธอคงเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดในวันนี้"

จิ๊กซอว์ตัวใหญ่จากไปแล้ว
แต่เรื่องราวยังดำเนินต่อไป
ร่องรอยบอบช้ำและเสียงร้องไห้ของตัวจิกซอว์มากมาย
ยังคงแว่วมาจากทั่วทุกจุดบนโต๊ะ........

สุดท้ายแล้ว จิ๊กซอว์ของภาพชื่อความรักนี้จะถูกประกอบเป็นรูปที่สมบูรณ์สวยงามได้หรือไม่....ไม่มีใครรู้

และถึงตอนนี้ จิ๊กซอว์ตัวเล็กผู้น่าสงสารตัวนั้น จะเข้าใจสิ่งที่จิ๊กซอว์ตัวใหญ่พูดหรือยัง.....ไม่มีใคร

รู้ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของจิ๊กซอว์ตัวใหญ่ทั้งหมดคือความจริงหรือเป็นเพียงข้อแก้ตัว....ยิ่งไม่มีใครรู้

......เมื่อไหร่จะมีใครรู้......

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เดี๋ยวดำ-เดี๋ยวแดง

ความจริง......
หัวใจสีแดง
แต่ใจ...ถูกแกล้ง
จากคน...ใจดำ
...ก็เจ็บ
...ก็ช้ำ
ใจถูก...ตอกย้ำ
ซ้ำ...ซ้ำจนใจช้ำ
เดี๋ยวดำ-เดี๋ยวแดง
เปรียบกับ......
ดินแห้ง...แห้ง
แตกระแหง......
รดน้ำ...ก็แดง
ขาดน้ำ...ก็ดำ
ไม่ใช่คน...สองใจ
แต่ใจมัน...มีสองสี
หัวใจน่ะ...มี
แต่มันใกล้...จะขาดใจ

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ห่างออกมาหนึ่งก้าว รักเราเท่าเดิม

ในความเป็นไปของชีวิต
คนหลายคนยอมที่จะอยู่เป็นโสด
เพียงเพื่อจะได้ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงในกรอบของตัวเองอย่างที่ไม่มีใครมาทัดทานได้
เขาเหล่านั้นมักคิดว่า เมื่อความรักเริ่มต้น ชีวิตผจญภัยก็พังทลาย
เมื่อรับใครอีกคนเข้ามาในชีวิต โลกส่วนตัวของพวกเขาก็จะล่มสลาย
ความรักกลืนกินโลกใบเดิมของเราไปจริงหรือเปล่า?
ความใกล้ชิดจะทำให้เราสูญเสียจุดยืนที่แท้จริงอย่างนั้นใช่ไหม?

แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น... คนเราทุกคนมีโลกกลมๆ คนละใบ
กว้างบ้าง เล็กบ้างตามความพอใจ
ในโลกกลมๆ ใบนั้นเราต่างบรรจุวิถีชีวิต ความรัก ความคิด
ความเป็นตัวเองไว้อย่างเต็มเปี่ยม และเมื่อความรักปรากฏตัว
โลกกลมๆ ของคนอีกคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
แต่ใช่ว่าเราจะต้องกระโดดออกจากโลกของเราไปอยู่ในโลกของเขาเสียเมื่อไหร่
แล้วไม่มีความจำเป็นใดที่เขาจะต้องกระโดดออกจากโลกของเขามาอยู่ในโลกของเราด้วย

วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้คนสองคนมีโลกใบเดียวกัน
โดยไม่ละทิ้งโลกส่วนตัวใบเดิมก็คือ "การยูเนี่ยน" (UNION) โลกสองใบเข้าไว้ด้วยกัน
มันเป็นวิธีง่ายๆ ตามหลักคณิตศาสตร์ที่เราเคยเรียนรู้กัน เมื่อวงกลมสองวงคล้องเกี่ยวกันไว้
ส่วนที่อยู่ในเนื้อที่ของกันและกันนั้น เราเรียกว่า"อินเตอร์เซ็คชั่น" (INTERSECTION)
ซึ่งข้อดีของมันก็คือ ช่วยให้วงกลมสองวงที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อน ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ได้แชร์ชีวิตร่วมกัน และมีโลกใบเดียวกัน ในขณะที่ส่วนอื่นๆ
ที่ไม่ได้ถูกอินเตอร์เซคชั่นนั้น ก็ยังมีชีวิตของมันต่อไป
และมันก็ยังเป็นโลกใบเดิมที่บรรจุความเป็นตัวของตัวเองไว้อย่างครบถ้วน

เหมือนความรัก.... โลกที่คนสองคนเกี่ยวคล้องกันไว้นั่นแหละ
คือโลกที่ความรักสร้างขึ้น คือโลกที่คนสองคนจะโอบกอดกันได้ทุกเวลา
และแชร์ทุกอย่างร่วมกัน ตั้งแต่กินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน
ฟังเพลงด้วยกัน ห่มผ้าผืนเดียวกัน.. มันเป็นโลกที่แสนอบอุ่นสำหรับคนเหงา
แต่ถ้ารู้สึกว่าอยากกลับไปเยี่ยมเยือนโลกใบเดิมของตัวเองสักหน่อย
ก็แค่กระโดดออกจากส่วนที่อินเตอร์เซคชั่นไว้
ห่างออกมาสักหนึ่งก้าว...วิถีชีวิตอิสระของนักผจญภัยก็จะเดินหน้า
ในขณะที่โลกสองใบก็ไม่ได้แยกจากกันไปไหน
เพราะมันเกี่ยวคล้องกันไว้อย่างแน่นหนา

เพราะฉะนั้นฉันจึงเชื่อว่าความรักกลืนกินโลกของใครไม่ได้หรอก
นอกเสียจากว่าคนสองคนเต็มใจที่จะเคลื่อนวงกลมเข้าใกล้กันเองจนซ้อนกันมากขึ้นๆ
และกลายเป็นวงกลมเดียวกันในที่สุดที่ใช้ชีวิตในวงกลมเดียวกันอย่างที่ไม่เคยรู้สึกว่าความรัก
จะลดน้อยลงไปได้เลย........

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ผู้ดูแลหัวใจชั่วคราว

คนดีฉันเข้าใจ
ว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะไป
นี่ไงล่ะ...หัวใจ
ที่เธอให้ฉันเก็บไว้ดูแล
ขอบคุณมาก
สำหรับหัวใจที่เคยให้ฉัน
ก็ดูแลมันไม่เคยให้เป็นแผล
เพราะเธอไว้ใจให้ฉันดูแล
ก็เข้าใจว่าเป็นได้แค่
ผู้ดูแลหัวใจชั่วคราว

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เสียงร่ำร้องของความรัก

สวัสดี...ฉันเป็นอะไรบางสิ่งที่ปลิวอยู่ในอากาศ
ตัวของฉันไม่หนักหนาอะไร...
ตัวเบาๆ..สบายๆ..
แต่ทำไมเขาถึงว่าฉันไม่มีเหตุผลในบางเวลานะ
ฉันเกิดมาจากอานุภาค1ต่อหนึ่ง
เกิดมาจากใจสองใจรวมตัวกัน
พวกเขาช่วยกันถักทอฉัน..ให้กลายเป็นสายใยของกันและกันเขา
เปลี่ยนฉันจากสีขาวและสีดำ..เป็นสีชมพู
ใช่..ฉันคือความรัก
ฉันเป็นบางสิ่งที่เคยว่างเปล่า
เหงา..เดียวดาย..และเคยอ้างว้าง
ฉันตอบแทนความอบอุ่นของเขา
ด้วยการก่อตัวในหัวใจของใครอีกคนที่เขารัก..เขาแคร์..และเกิดมาเพื่อเขา

ใช่..ฉันทำโลกของทั้งสองคนเริ่มสดใส
ฉันช่วยทำให้ความเดียวดายของทั้งสองใจจางหายไป
ฉันทำให้พวกเขาเริ่มก้าวเดินไปด้วยกัน
แต่..ฉันไม่อาจทำให้พวกเขาเข้าใจได้เลย
ว่าเส้นทางที่มีฉันเดินไป..ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
มันก็เป็นเส้นทางชีวิตธรรมดาที่เราอาจต้องมองกันด้วย '' ใจ ''
แต่พวกเขาไม่เคยรู้เลย..พวกเขาไม่เคยมองมันเลย
พวกเขาเห็นฉันเป็นเพียงบางสิ่งที่ทำให้เขาพบกัน
รักกัน..เข้าใจกัน..
พวกเขาคิดจะปลูกฉัน..แต่มันไม่น่าดีใจตรงที่เขาไม่รู้วิธีที่จะรักษาฉันให้เนิ่นนานที่สุด
บ่อยเหลือเกินที่ฉันต้องปวดใจเพราะมีคนหลายคนร้องไห้..ที่ฉันตายและจากไป
บ่อยเหลือเกินที่ใครหลายคนโทษฉันว่าเป็นต้นเหตุให้เขาต้องเสียใจ
บ่อยเหลือเกินที่เขาเห็นฉันเป็นเพียงของเล่น..
เครื่องประดับ..ที่ไม่มีค่าอะไรเลย
จะมีสักกี่คนไหม..ที่เห็นคุณค่าและอีกด้านที่สวยงามของฉัน
จะมีใครสักคนไหมที่เข้าใจฉันออย่างถ่องแท้
ว่า..ความรักไม่ได้สร้างแต่ความเสียใจ
ว่าความรัก..ไม่ได้เป็นของเล่นและของประดับของใครๆ
ว่า..ความรักไม่ได้เป็นทุกสิ่งสำหรับเขา
คุณอาจเสียใจที่ฉันจากไป..คุณหาว่าฉันใจร้าย
แล้วคุณเคยเห็นคุณค่าของฉันหรือเปล่า

ความรัก..คือบางสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของคุณกับเขา
เมื่อถึงเวลาที่จากไปก็จะเหลือแต่เวลาและความทรงจำเท่านั้นที่อยู่กับคุณ
อย่าโทษฉันเลย..และอย่าจมอยู่กับตัวฉันในอดีตมากไป
อย่าเสียใจ..ถ้าฉันได้เดินหันหลังจากคุณไป
เวลาและความทรงจำจะช่วยเยียวยารักษาคุณ
และเวลา..ก็จะช่วยชุบชีวิตฉันขึ้นมาใหม่
อย่าปิดกั้นใจเลย..เพราะมันทำให้ฉันไม่สามารถก่อเกิดในจิตใจคุณได้
ความรัก..เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ฉันอยากให้คุณมองฉันจากโลกที่ควรจะเป็น
ไม่ได้มองผ่านโลกที่เต็มไปด้วยความฝัน
ฉันอยากให้คุณทั้งสองคนเข้าใจ..และรักษาฉันไว้ร่วมกัน
และเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ..วันดีๆ..และเวลาดีๆจากตัวฉันให้มากที่สุด
อย่าโทษฉันในบางครั้งที่ต้องทำให้คุณต้องร้องไห้และเจ็บปวด
เพราะฉันไม่ได้ตั้งใจ..ฉันจึงอยากให้คุณมองฉันใหม่
อยากให้คุณเผื่อใจ..และเข้าใจตัวเองให้ดีเสียก่อน
ที่จะรับความรัก..รับตัวฉันเข้าไป
อย่ารำคาญคนอีกหลายคนที่หยิบยื่นฉันให้คุณ
เพราะมันเป็นความรักที่บริสุทธิ์จากใจ..แม้ว่าคุณจะไม่เคยรักเขาเลยก็ตาม
ฉันก็แค่ความรู้สึกบางๆ ในสายลมที่อยากเห็นคุณมีความสุข
ไม่มีใครรักเป็นมาก่อน..ไม่มีใครเข้าใจฉันอย่างถ่องแท้เลย
ฉันเข้าใจดี..แต่ฉันอยากให้พวกคุณทำความรู้จักกับฉัน
เพราะนั่น..จะทำให้ฉันได้เข้าไปอยู่ในใจคุณ
มันจะทำให้คุณรู้จักโลกอีกโลก..
จะมีความสุขหรือเปล่า..ฉันให้คำตอบอะไรไม่ได้
เพราะมันขึ้นอยู่กับคุณที่จะสร้างให้ฉันเป็นแบบไหน
แต่ฉันสัญญา..ว่าในความเสียใจฉันจะทำให้คุณอบอุ่น
อย่ามองว่าฉันจะเกิดขึ้นจากคนที่คุณรักเพราะฉันสามารถเติบโตได้ในคนที่รักคุณ
ดังเช่น..คุณพ่อ..กับ..คุณแม่
อย่าลืมนะ..ถ้าเมื่อไรที่คุณเจอฉันโปรดอย่าวิ่งหนี..
อย่าทิ้งขว้างฉัน..โปรดเก็บฉันไว้ในใจ
แล้วสักวัน..ฉันจะทำให้คุณมีความสุข

ขอบคุณบทความจาก โพสต์สไมล์

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ความเป็นมาของวันแม่

วันแม่แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยริเริ่มเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2519 โดยคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จนถึงปัจจุบัน

สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอกมะลิ ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย

ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว

สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจัดงานวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2486 ณ.สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไปโดยปริยาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤติสงครามไปแล้ว หลายหน่วยงานได้พยายามรื้อฟื้นให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง แต่กำหนดวันแม่ที่ประชาชนนิยม และเป็นที่รับรองของรัฐบาล คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 กำหนดงานวันแม่ในวันนี้ยังดำเนินต่อมาอีกหลายปี ก็ต้องมาหยุดชะงักลงอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าสภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน ซึ่งก็คือกระทรวงวัฒนธรรมที่ถูกยุบไปนั่นเอง

ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย เห็นว่าควรมีการจัดงานวันแม่ต่อไป จึงได้รื้อฟื้นงานวันแม่ขึ้นมาอีก และได้กำหนดให้จัดงานวันแม่ คือวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวก็เลิกไป จนกระทั่งในปี พ.ศ.2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่าควรกำหนดวันแม่ให้แน่นอนเสียที จึงได้กำหนดวันแม่ใหม ่โดยให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมา เ

หตุผลที่ให้ดอกมะลิ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ ก็เนื่องจาก ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย...

นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ (Bilabial) ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น
• ภาษาไทย แม่
• ภาษาจีน ม๊ะ หรือ ม่า
• ภาษาฝรั่งเศส la mere (ลา แมร์)
• ภาษาอังกฤษ mom , mam
• ภาษาโซ่ ม๋เปะ • ภาษามุสลิม มะ
• ภาษาไทใต้คง เม
เป็นต้น

กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ
1. ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
2. การประดับไฟเฉลิมพระเกียรติ และประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
3. จัดกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ การแสดง การประกวดต่างๆ เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
4. การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล
5. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่

ขอบคุณข้อมูลจาก http://ayutthayastudies.aru.ac.th

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

รักมาก...ช้ำมาก

ให้เธอไป...หมดทั้งใจ
แต่ได้กลับมา...เพียงเท่านี้
หัวใจเก่าเก่า...กับความรู้สึก ที่ถูกย่ำยี
อยากจะโละทิ้งซะที...ไม่อยากจำ

เพราะรักมาก ก็ช้ำมาก
ลืมลำบาก...เพราะเธอยังตอกย้ำ
เท่านี้ ไม่สะใจหรือ...กับการกระทำ
เธอถึงซ้ำ ให้ใจ...ยับเยิน

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พอแล้ว

พอแล้ว...กับการเสียน้ำตา
เพราะมันมีค่า...เสมอ
แต่มันไม่มีค่าสำหรับเธอ
ฉันจึงไม่อยากเจอเธอ...ให้ช้ำใจ

ตั้งใจแล้วว่าจะลืมเธอ
จะไม่เพ้อหาอีกให้ใจหวั่นไหว
จะพยายามลบเธอทิ้งไปจากหัวใจ
จะไม่เก็บ...ไว้แม้รอยยิ้มที่อ่อนโยน
"ของเธอ"

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ไม่ใช่คนใจดี

เพราะฉันไม่ใช่คนใจดี
ที่จะแบ่งอะไรให้ใครง่ายง่าย
ยิ่งเป็นความรักและหัวใจ
จะไม่ยอมแบ่งให้ใครซักคน
จะว่าฉันใจแคบก็ได้
เรื่องหัวใจใครจะไม่หวง
ถ้าจะให้ต้องได้มาทั้งดวง
หากเพียงครึ่งทรวงไม่ต้องการ

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คู่นั้นสำคัญไฉน

ชีวิตคู่ คือการอยู่ร่วมกันอันยาวนานของหญิงกับชาย ซึ่งได้ตัดสินใจที่จะเนินชีวิตร่วมกัน รับผิดชอบชีวิตซึ่งกันและกันโดย ทั่วไปฝ่ายชายจะเลือกหญิงในด้านรูปร่าง หน้าตา มีลักษณะที่อ่อนโยน มีคุณสมบัติเป็นแม่บ้านแม่เรือน ในบางรายก็ต้องการมีรายได้มาช่วยครอบครัวด้วย หญิงนั้นส่วนมากจะเลือกชายที่มีความรับผิดชอบ มีการงานมั่นคง มีลักษณะเป็นผู้นำ มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัว สามารถให้ความปกป้องคุ้มครองได้ ผู้ที่มีพัฒนาการบุคลิกภาพที่เหมาะสมจะใช้เหตุผลในการเลือกคู่ครองมากกว่า ใช้อารมณ์ เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณคิดจะเลือกคู่ครอง คุณควรจะรู้จักตนเองและความต้องการของตนเอง ตลอดจนมีความคาดหวังอย่างสมเหตุสมผลในตัวของคนที่คุณเลือกมาเป็นคู่ครอง

ในปัจจุบัน การให้ผู้ใหญ่จัดหาคู่ครองให้มีน้อยมาก อาจจะมีอยู่บ้างในสังคมชนบท หรือในสังคมที่ยังมีค่านิยมที่หนุ่มสาวยังมีความผูกพันกับบิดามารดาและมอบ ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ ส่วนในสังคมเมืองที่ชายหญิงมีการศึกษาสูงและมีอาชีพ มีโอกาสพบปะกันมากจึงนิยมเลือกคู่ครองด้วยตนเอง

ฉะนั้น หากคุณกำลังหาหรือกำลังเลือกใครสักคนเพื่อจะเลือกมาเป็นคู่ครองอยู่แล้วละก็ ควรคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ดูบ้างนะคะ

1. ควรมีอายุใกล้เคียงกัน ไม่ควรแตกต่างกันเกิน 10 ปี โดยทั่วไปชายควรมีอายุมากกว่าหญิง

2. มีอาชีพและรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้

3. มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และบทบาทสังคมอย่างเหมาะสม

4. มีความรักใคร่ผูกพันมีความปรารถนาดีต่อกันนับถือและยอมรับในรสนิยมและบุคลิกภาพซึ่งกันและกัน

5. มีบุคลิกภาพที่เข้ากันได้ มีทั้งส่วนที่เหมือนกันและต่างกัน ซึ่งไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากเกินไป รู้จักประนีประนอมกัน

6. มีความใกล้เคียงกัน หรือไม่แตกต่างกันมากในระดับการศึกษา ภูมิหลัง คุณธรรม ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ความสนใจ รสนิยมทางเพศ อุดมการณ์ของชีวิต การสังคม ความเชื่อ สภาพเศรษฐกิจ และเชื้อชาติ

7. มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันนานพอที่จะรู้จักกันอย่างแท้จริงในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะวิธีการแก้ปัญหาและการปรับตัวต่ออุปสรรคในการดำเนินชีวิตของแต่ละฝ่าย

8. มีโอกาสรู้จักกับครอบครัว เพื่อนและสังคมของกันและกัน

9. ควรทราบว่าตนต้องการคู่ครองแบบได และมีเหตุผลอย่างไร ไม่ควรใช้อารมณ์โดยปราศจากเหตุผลในการพิจารณาเลือกคู่ครอง

10. ไม่ควรเลือกผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองเพื่อชดเชยสิ่งที่ตนขาดแคลนหรือคาดหวังที่จะพึ่งพาอีกฝ่ายหนึ่งมากเกินไป

11. ไม่คาดหวังว่าจะได้รับสิ่งตอบแทนจากอีกฝ่าย แต่ควรพิจารณาดูว่าตนเองมีบทบาทให้ความช่วยเหลือในการอยู่ร่วมกันได้เพียงไร

12. พร้อมที่จะปรับปรุงข้อบกพร่องของตนเอง ไม่ควรคาดหวังว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะแก้ไขข้อบกพร่องของเขาภายหลังแต่งงาน

13. คำนึงไว้เสมอว่า ยังมีส่วนของบุคลิกภาพของผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองที่ยังไม่แสดงออกมาชัดเจนจนกว่าจะได้มาอยู่ร่วมกัน

14. ควรมีการปรึกษากันในการดำเนินชีวิตสมรส เช่นบทบาทในครอบครัว แผนชีวิตในอนาคต การใช้จ่ายเงิน และการสงเคราะห์ญาติ

อย่างไรก็ตามปัจจัยในการเลือกคู่ครองที่กล่าวมาเบื้องต้น เป็นเพียงข้อเสนอแนะบางส่วนเท่านั้น ที่คุณสามารถจะใช้เป็นแนวทางในการเลือกคู่ได้และที่สำคัญคือ คุณควรได้มีการเตรียมตัวเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขั้นในข้างหน้า เพราะ การแต่งงานมิใช่การลดปัญหาหรือการได้ประโยชน์จากผู้อื่น แต่เป็นการเผชิญปัญหาชีวิตในอีกระดับหนึ่งที่คู่สมรสจะต้องช่วยกันประสาน ประโยชน์ในครอบครัว เพื่อความผาสุกของชีวิตร่วมกัน

ขอบคุณบทความจาก โพสต์สไมล์